tag:blogger.com,1999:blog-21294933277294555092024-03-14T03:23:28.372+07:00ข่าวสาร-พันธมิตร-อุดรธานีfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.comBlogger53125tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-41300894551148916402009-07-25T00:10:00.003+07:002009-07-25T00:10:59.766+07:00ปิดถนนมิตรภาพเบรก ผวจ.อุดรฯ รับใบสั่งปักหมุดเหมืองแร่โปแตซอุดรธานี - กลุ่มอนุรักษ์อุดรธานีปิดถนนมิตรภาพ<br>ยื่นคำขาดให้ศึกษาผลกระทบภาพเชิงยุทธศาสตร์ตามมติ ครม.ปี 49 จี้ยุติบทบาท<br>กรรมการชุด สมพร ใช้บางยาง<br>หวั่นใช้เป็นเครื่องมือลงปักหมุดเขตเหมืองโปแตซ<p> สืบ เนื่องจากเมื่อวันที่ 23<br>ก.ค.กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี เข้าพบและเจรจากับ นายอำนาจ<br>ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี<br>เพื่อเรียกร้องให้ยติบทบาทกรรมการแก้ไขปัญหาการดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตซ<br>จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมี นายสมพร ใช้บางยาง ประธาน<br>ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา<br>และให้ความรู้การดำเนินการโครงการเหมืองแร่โปแตซ จังหวัดอุดรธานี<br>(ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2552)<p> แม้กลุ่มอนุรักษ์จะได้ยื่นหนังสือคัดค้านไปยัง นายสมพร<br>และกระทรวงอุตสาหกรรมด้วยก็ตาม โดยได้มีการแต่ตั้งอนุกรรมการ<br>ที่ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการทุกอำเภอในจังหวัดอุดรธานี<br>ให้มีอำนาจหน้าที่จัดการประชุมชี้แจงข้อมูลโครงการ<br>และกระบวนการขออนุญาตประทานบัตร ให้กับประชาชนในจังหวัดอุดรธานี<br>โดยมอบหมายให้ นายอำนาจ ผการัตน์ เป็นประธานอนุกรรมการดังกล่าว<br>แต่การเจรจาเมื่อวานนี้ล้มเหลว เมื่อ นายอำนาจ ผการัตน์<br>ยืนกรานจะดำเนินการประชุมต่อไป<br>เพราะเป็นคำสั่งของทางราชการตนต้องปฏิบัติตามไม่อาจละเว้นได้<br>เป็นเหตุให้กลุ่มอนุรักษ์ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งและเดินออกจากที่ประชุม<p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (24 ก.ค.)<br>ตั้งแต่เช้าบริเวณศาลากลางจังหวัดอุดรธานี<br>ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ควบคุมสถานการณ์<br>เพราะคาดว่ากลุ่มอนุรักษ์จะเข้ามาชุมนุมประท้วงการประชุมของอนุกรรมการดัง<br>กล่าว แต่เมื่อเวลาตั้งแต่ประมาณ 08.00 น.สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ฯประมาณ 500<br>คน ก็ทยอยกันได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณถนนมิตรภาพสายอุดรฯ-ขอนแก่น<br>สามแยกเข้าสู่ อ.ประจักษ์ศิลปาคม พื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตซอุดรธานี<p> จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ค่อยๆ<br>เคลื่อนขบวนเข้ายึดปิดถนนมิตรภาพขาออกจากจังหวัดอุดรธานีไว้ได้ 1<br>ช่องทางจารจร ต่อมาได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมือง และ<br>สภ.ประจักษ์ศิปาคม กว่า 60 นาย รุดออกมาควบคุมสถานการณ์ไว้<br>ขณะที่บริเวณศาลากลางจังหวัดก็ได้เริ่มดำเนินการการประชุม<br>กลุ่มอนุรักษ์อุดรธานีพยายามที่จะปิดถนนเพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง<br>ทำให้เกิดเหตุชลมุนเล็กน้อยเมื่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกันแต่ไม่<br>มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด<p> นาง มณี บุญรอด รองประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี<br>กล่าวว่าการที่ต้องชุมนุมปิดถนนในวันนี้ เพราะเกิดแรงกดดันทางการเมือง<br>และบริษัทที่เร่งรัดให้เกิดการปักหมุดเขตเหมืองแร่ให้ได้<br>และการประชุมของอนุกรรมการวางแผนลงพื้นที่ชี้แจงโครงการเหมืองแร่โปแตซ<br>ทั่วทั้งจังหวัดอุดรฯ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง<br>ความรุนแรงในพื้นที่ที่อีกครั้ง พร้อมยืนยันข้อเสนอเดิม คือ<br>ให้มีการศึกษาผลกระทบในภาพรวม<br>หรือการประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ตามที่ได้มีมติคณะรัฐมนตรี<br>ที่เห็นพ้องกับมติคณะกรรมสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2649<br>ตลอดจนความเห็นขององค์กรอิสระต่างๆ ก็มีข้อเสนอเช่นกัน<p> "กรรมการชุดนี้เป็นใบสั่งของนักการเมืองฝ่ายบริษัท<br>คณะกรรมส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ เช่น นายอำเภอทุกอำเภอ ตำรวจ อัยการ<br>ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีข้อมูลเรื่องเหมืองแร่โปแตซ<br>อีกทั้งเป็นลูกน้องของผู้ว่าฯ เมื่อผู้ว่าฯ ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าหือ<br>และการชี้แจงทั่วทุกอำเภอ ก็ไม่สนว่าชาวบ้านจะเข้าใจหรือไม่<br>เพราะสุดท้ายเป้าหมาย อยู่ที่การรังวัด ปักหมุด เขตเหมือง<br>ตามขั้นตอนประทานบัตร ซึ่งก็จะเกิดปัญหาความขัดแย้ง<br>ตีกันในพื้นที่อีกเช่นเคย ดังนั้นกลุ่มอนุรักษ์ฯ<br>จึงขอให้ผู้ว่ายุติไว้ก่อนจนกว่าจะทำตามมติ ครม.เมื่อปี 2549 เสียก่อน"<br>นางมณีกล่าว<p> ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12<br>กันยายน 2549 พ้องตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ<br>ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2549<br>ให้มีการดำเนินการใดการศึกษายุทธศาสตร์การจัดการแร่โปแตชของประเทศ<br>(Strategic Environmental Assessment ; SEA)<br>ก่อนที่จะมีการดำเนินการใดในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี<br>และโครงการเหมืองแร่โปแตชอื่นในภาคอีสาน<br>เพราะว่าขณะนี้มีการดำเนินการของเอกชนในการยื่นขอสำรวจและผลิตแร่โปแตชใน<br>พื้นที่ 6 จังหวัด คือ จ.ชัยภูมิ จ.สกลนคร จ.อุดรธานี จ.นครราชสีมา<br>จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม ทั้งสิ้น 7 โครงการรวมพื้นที่ ประมาณ 654,145<br>ไร่<p> การชุมนุมดำเนินไปจนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น.นายอำนาจ<br>ผการัตน์ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีได้เดินมายังที่ชุมนุมเพื่อขอเจรจาให้<br>ผู้ชุมนุมเปิดถนน<br>ขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังพยายามกดดันด้วยการปิดถนนเพิ่มอีกหนึ่งช่องทางจารจรและ<br>มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนฝนหยุดในเวลาประมาณ 13.00<br>น.กลุ่มผู้ชุมนุมจึงต้องยอมเจรจาโดยยื่นขอเสนอให้ยุติบทบาทกรรมการ<br>ชุดนายสมพร ใช้บางยาง และให้ศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์<br>ก่อนดำเนินการใดเกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่โปแตซ<p> ที่ สุด นายอำนาจ ผการัตน์<br>มีท่าทียอมรับข้อเสนอดังกล่าวและได้ทำบันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้<br>3 ประการ คือ หนึ่ง ทำหนังสือแจ้งให้ นายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการ<br>ทราบว่า ต้องยุติการดำเนินการของคณะอนุกรรมการ<br>เพราะไม่เป็นที่ยอมรับและไม่อาจดำเนินการได้ตามเป้าหมาย สอง<br>เสนอให้คณะกรรมการพิจารณายุติบทบาทกรรมการชุดดังกล่าวไว้ก่อน และสาม<br>ให้มีการแต่งตั้งกรรมการศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์(SEA) ตาม มติ<br>ครม.และมติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2549<p> นายอำนาจ ผการัตน์ กล่าวกับที่นุมนุมว่า<br>ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอเรื่องการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านไม่ใช่เพียงแต่<br>เรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว<br>แต่ต้องครอบคลุมไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาตามมาเหมืองโครงการอื่นๆ<br>อย่างไรก็ตาม ตนจะนำข้อเสนอของที่ชุมนุมในวันนี้ไปเสนอต่อประธานคณะกรรมการต่อไป<p> ที่ชุมนุมพอใจข้อตกลงดังกล่าวจึงได้ยอมเปิดเส้นทางจราจรและสลายการชุมนุมเมื่อเวลาประมาณ<br>14.00 น.<p> ด้าน นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์<br>ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวในภายหลังว่า<br>"ที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีมีท่าทีแข็งกร้าว<br>และมุ่งหมายจะผลักดันให้เกิดการลงพื้นปักหมุดเขตเหมืองแร่ให้ได้ ซึ่งตลอด<br>8 ปีที่ผ่านมาก็เห็นมาแล้วว่าจะเป็นเหตุแห่งปัญหาการไม่ยอมรับและความขัดแย้ง<br>ตนเห็นว่า ต้องหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์<br>สร้างการเรียนรู้ที่แท้จริงให้สังคม<br>โดยเฉพาะเรื่องการประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งปัจจุบันสำนักงานนโยบาย<br>และแผนคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สผ.)<br>ได้มีแนวทางในการประเมินออกมาแล้วการพัฒนาขบวนการนี้น่าจะเป็นแนวทางยกระดับ<br>การมีส่วนร่วมของประชาชน และมาตรฐานการดำเนินนโยบายสาธารณะในสังคมไทย"<br>นายสุวิทย์ กล่าวfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-50444140748638627912009-07-25T00:10:00.001+07:002009-07-25T00:10:25.123+07:00ร่วงอีก 1 ชาวอุดรฯเหยื่อหวัดใหญ่ 2009โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2552 14:13 น.<br> อุดรธานี - ร่วงอีก 1 ชาวอุดรธานี เหยื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>2009 ขณะที่ยอดสะสมผู้ป่วยพุ่งสูงถึง 521 ราย หายแล้ว 109 ราย<br>อยู่ระหว่างดูแลรักษาใกล้ชิดถึง 166 ราย โดยพื้นที่ปลอดผู้ป่วยติดเชื้อมี<br>3 อำเภอ คือ อ.นายูง-กู่แก้ว-ประจักษ์ศิลปาคม<p><p><p> ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุใหม่ 2009 ที่<br>จ.อุดรธานี ว่า ในขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รายแรกเป็นเพศชายอายุ<br>55 ปี เป็นคนอำเภอกุมภวาปี มีโรคประจำตัวเบาหวานกับสะเก็ดเงิน<br>รายที่สองเป็นเพศชายอายุ 29 ปี เป็นคนอำเภอไชยวาน<br>ซึ่งเสียชีวิตโดยมีโรคแทรกซ้อน คือ ปอดแตก<p> นายสัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุจังหวัดอุดรธานี<br>เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคในจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2552<br>ถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 เวลา 24.00 น.<br>สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี<br>มีสรุปยอดผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A (H1N1)<br>มีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวังดำเนินการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 521 ราย<br>ตัดออกจากการเฝ้าระวัง ตรวจไม่พบเชื้อ 250 ราย รอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ<br>11 ราย ผู้ป่วยยืนยัน วันที่ 21 ก.ค.52 จำนวน 18 ราย ผู้ป่วยยืนยัน<br>วันที่ 22 ก.ค.2552 จำนวน 12 ราย<p> ขณะที่มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ วันที่ 23 ก.ค.2552 จำนวน 16 ราย<br>มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A (H1N1) สะสม 275 ราย<br>แยกเป็นหายเป็นปกติ หรือพ้นระยะเฝ้าระวัง 109 ราย<br>อยู่ในระหว่างเฝ้าระวังดูแลรักษา 166 ราย คือ รักษาที่โรงพยาบาล 29 ราย<br>อาการทั่วไปดี (รพ.อุดรธานี 4 ราย, รพ.ชุมชน 6 ราย, รพ.เอกชน 18 ราย)<br>รักษาเฝ้าระวังที่บ้าน 137 ราย อาการทั่วไปดี<p> โดย สรุปแล้วจังหวัดอุดรธานี มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน<br>อยู่ระหว่างการรักษาและเฝ้าระวัง 166 ราย<br>มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A (H1N1)<br>เสียชีวิต จำนวน 2 ราย<p> ส่วนอำเภอที่ยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>2009 คือ อ.นายูง, กู่แก้ว และประจักษ์ศิลปาคม<br>และอำเภอที่มีผู้ป่วยพ้นระยะเฝ้าระวัง คือ อ.วังสามหมอ อำเภอที่เฝ้าระวัง<br>ครบรอบ 7 วัน ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ คือ สร้างคอม, หนองหาน, ทุ่งฝน,<br>โนนสะอาด และศรีธาตุ ส่วนอำเภออื่นๆ อีก 11 อำเภอยังไม่พ้นระยะเฝ้าระวังfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-91074074051374461482009-07-25T00:06:00.001+07:002009-07-25T00:06:11.813+07:00ทำนาข้าวในโรงเรียนปลุกสำนึกเด็กรู้คุณข้าว-อาชีพทำนาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2552 12:47 น.<br> อุดรธานี - ศูนย์ เมล็ดพันธุ์ข้าวอุดรฯ<br>ร่วมโรงเรียนชุมชนนิคมสร้างตนเองเชียงพิณ 2 จัดโครงการทำนาข้าวในโรงเรียน<br>หวังปลูกฝังให้เยาวชนรู้คุณค่าของข้าวและอาชีพทำนา<br>ภาคภูมิใจในวิถีอาชีพของบรรพบุรุษ<p> เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (24 ก.ค.)<br>ที่ทุ่งนาโรงเรียนชุมชนนิคมสร้างตนเองเชียงพิณ 2 อ.เมืองอุดรธานี<br>นายทรงศักดิ์ อัมรัตน์ รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 1<br>เป็นประธานเปิดโครงการทำนาข้าวโรงเรียน ตามนโยบาย ปลูกข้าว ปลูกใจ<br>เด็กไทยรักข้าว โดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุดรธานี<br>ร่วมกับโรงเรียนชุมชนนิคมสร้างตนเองเชียงพิณ 2 จัดขึ้น<p> นายดอม พรมทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนนิคมสร้างตนเองเชียงพิณ 2<br>กล่าวว่า โครงการทำนาข้าวโรงเรียน<br>เป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนและชุมชนในท้องถิ่น<br>ซึ่งได้ร่วมกับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุดรธานี<br>ดำเนินการติดต่อกันมาเป็นเวลา 5 ปี<br>โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังความรู้ด้านการทำนาข้าวกับวิถีชีวิตของคนไทย<p> รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น<br>โดยการฝึกปฏิบัติการทำนาด้วยตนเอง เพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก<br>ให้รู้ถึงความเพียรพยายาม วิริยะ อุตสาหะของชาวนา<br>ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้ตระหนักถึงความสำคัญของข้าวและชาวนา<br>เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับ<br>การทำนาข้าวและเกิดความประทับใจ ภูมิใจในวิถีชีวิตของคนไทยและตนเอง<p> อีกทั้งยังทำให้เด็กนักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาตนเอง<br>และดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงได้fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-37930029873484586282009-07-25T00:02:00.001+07:002009-07-25T00:02:29.281+07:00ทบ.หนองสำโรงรณรงค์ จนท.ผู้นำชุมชนงดเหล้า-บุหรี่โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2552 16:44 น.<br> อุดรธานี - เทศบาลหนองสำโรง อ.เมืองอุดรฯร่วมรณรงค์งดเหล้า-บุหรี่<br>อบรมเข้มพนักงานเจ้าหน้าที่-อสม-ผู้นำชุมชนหวังเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่<br>เผยผู้เข้าอบรม124 คนจาก 182<br>คนยอมรับอยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุรี่<p> เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (23 ก.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมนภาลัย<br>อ.เมืองอุดรธานี เทศบาลเมืองหนองสำโรง ได้นำพนักงาน ลูกจ้าง ประธานชุมชน<br>อสม.จำนวน 182 คน<br>เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และ<br>สูบบุหรี่ ปี 2552 โดยมีวิทยากรจากสำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี<br>มาให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่<p> ซึ่งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองหนองสำโรง<br>มีจำนวนทั้งสิ้น 299 คน พบว่า มีกลุ่มเสี่ยง จำนวน 124 คน<br>แยกเป็นผู้สูบบุหรี่ จำนวน 14 คน คิดเป็น 4.68%<br>ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน 35 คน คิดเป็น 11.70%<br>ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบหรี่ จำนวน 75 คน คิดเป็น 25.08%<br>และในกลุ่มประธานชุมชน ประธาน อสม.พบว่ามีกลุ่มเสี่ยง จำนวน 58 คน<br>รวมทั้งสิ้น 182 คน<p> ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคต่างๆ มากกว่า<br>25 โรค อันเกิดจากพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ โรคตับแข็ง<br>มะเร็งตับ และจากผู้สูบบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่ อาทิ โรคถุงลมโป่งพอง<br>และมะเร็งปอด จากเหตุผลดังกล่าว ศูนย์บริการสาธารณสุข<br>เทศบาลเมืองหนองสำโรง<br>และกองทุนระบบหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นเทศบาลเมืองหนองสำโรง<br>ได้เล็งเห็นความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในกลุ่มเสี่ยง<p> จึง ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้น<br>เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เกิดการดูแลใส่ใจกับสุขภาพตนเอง คนรอบข้าง<br>อันจะส่งผลถึงสุขภาวะทางกายที่ดีตลอดจนลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้อีก<p> โดยการอบรมผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีคะแนนผ่านเกณฑ์การทดสอบ<br>Pre-Post Test ร้อยละ 80 ขึ้นไป และร้อยละ 60<br>ของกลุ่มเสี่ยงที่ได้ทำสัญญาใจ ทำความดีถวายในหลวง ลด ละ เลิก<br>การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ซึ่งจะทำการประเมินผล 3 เดือน<br>หากผู้เข้ารับการอบรมผ่านการประเมิน ก็จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-2431535895834454882009-07-23T16:17:00.001+07:002009-07-23T16:17:20.436+07:00เปิดแล้วจุดบริการน้ำประปาดื่มได้แห่งที่ 122 บ้านผืออุดรธานี - การประปาส่วนภูมิภาค ร่วมกับกรมอานามัย และจังหวัดอุดรธานี<br>จัดพิธีประกาศรับรองให้พื้นที่ในเขตบริการน้ำประปาของหน่วยบริการกุดจับ<br>สำนักงานประปาบ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นพื้นที่น้ำประปาดื่มได้แห่งที่ 122<p> วันนี้ (21 ก.ค.) เวลา 10.00<br>น.ที่บริเวณหน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอกุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี<br>นายทศพล ทิพรส รองผู้ว่าการ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นประธานเปิด<br>โครงการน้ำประปาดื่มได้ โดยมีนายกฤษเพชร ศรีปาน<br>รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนายศากุล เอี่ยมศิลา<br>ที่ปรึกษากรมอานามัย<br>ร่วมพิธีเปิดโครงการน้ำประปาดื่มได้ของการประปาส่วนภูมิภาค<br>เป็นโครงการที่เกิดขึ้นตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย<br>เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน<br>ให้ได้บริโภคน้ำประปาที่มีคุณภาพ<br>ได้มาตรฐานน้ำดื่มตามเกณฑ์ขององค์กรอานามัยโลก<p> ปัจจุบันการประปาส่วนภูมิภาค<br>มีสำนักงานประปาที่ได้รับการประกาศรับรองให้เป็นพื้นที่น้ำประปาดื่มได้<br>จากกรมอานามัยแล้วทั้งสิ้น 121 แห่ง และหน่วยบริการกุดจับ<br>สำนักงานประปาบ้านผือนี้เป็นแห่งที่ 122<br>ที่ได้รับรองว่าเป็นพื้นที่น้ำประปาดื่มได้<p> สำหรับพื้นที่เขตเทศบาลตำบลกุดจับและตำบลเมืองเพีย<br>นี้ประชาชนบริโภคน้ำฝน น้ำบ่อและน้ำบรรจุขวดเป็นหลัก<br>ซึงการบริโภคน้ำฝนและน้ำบ่อถึงแม้ว่าจะไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่ก็มีความเสี่ยง<br>สูงที่จะมีเชื้อโรคปนเปื้อนมา การประกาศพื้นที่น้ำประปาดื่มได้<br>ในพื้นที่อำเภอกุดจับ ของหน่วยบริการกุดจับ ส นักงานประปาบ้านผือ<br>ในวันนี้<p> นอกจากประชาชนผู้ใช้น้ำจะได้บริโภคน้ำประปาที่ผ่านการรับรองจากกรมอา<br>นามัยว่าสะอาดและปลอดภัยแล้ว ยังสามารถดื่มได้โดยตรงจากก๊อกอีกด้วย<br>และยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดจากท้องตลาด<br>ซึ่งมีราคาแพงกว่าน้ำประปากว่าหลายเท่าตัว<p> นายทศพล ทิพรส รองผู้ว่าการ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า<br>โครงการน้ำประปาดื่มได้นี้ ภายหลังจากการเปิดโครงการดังกล่าว<br>การประปาส่วนภูมิภาค<br>ยังคงตรวจสอบคุณภาพน้ำให้ได้มาตราฐานอยู้ตลอดเวลาเพื่อให้น้ำประปาจากก๊อกใน<br>บ้านของทุกคน สามารถดื่มได้เช่นเดียวกับน้ำที่อยู่ในท่อส่งน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค<p> ทั้งนี้ ทางหน่วยบริการน้ำประปากุดจับ สำนักงานประปาบ้านผือ<br>ได้ติดตั้งจุกบริการน้ำดื่มฟรีไว้ให้บริการประชาชน จำนวน 2 จุด ได้แก่<br>บริเวณหน้าสาธารณสุขอำเภอกุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี<br>และบริเวณหน้าโรงกรองน้ำหน่วยบริการกุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082277">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082277</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-39628580384317946652009-07-23T16:02:00.001+07:002009-07-23T16:02:42.781+07:00โชคดี! ชาวอุดรฯ ทันได้ชมสุริยุปราคาอุดรธานี - มรภ.อุดรฯ จัดกิจกรรมชมปรากฏการณ์การเกิดสุริยุปราคา<br>พร้อมให้ความรู้ถึงสาเหตุการเกิดสุริยุปราคา<br>ด้านประชาชนอ้างเป็นลางบอกเหตุร้ายจะเกิดกับบ้านเมือง<p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ประมาณ 07.10-09.00 น.วันนี้ (22<br>ก.ค.) เป็นต้นมา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี<br>ได้มีการจัดกิจกรรมชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา<p> การเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเหนือท้องฟ้าของ จ.อุดรธานีนั้น<br>สภาพอากาศในช่วงเช้าเป็นใจเป็นอย่างดีสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน<br>กระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น.พบว่า<br>สภาพอากาศเริ่มมีเมฆบดบังบางทำให้การดูการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา<br>ดูได้อย่างไม่ต่อเนื่อง<p> โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี<br>ได้จัดสถานที่ในการส่องกล้องดูที่บริเวณสนามบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัย<br>ซึ่งได้เตรียมกล้องโทรทัศน์จำนวน 3 ตัว<br>แว่นสำหรับดูสุริยุปราคาจำนวนหนึ่ง<br>ในระหว่างการดูการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคานั้น<br>ทางมหาวิทยาลัยได้มีการอธิบายและให้ความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์<br>เกี่ยวกับเรื่องการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาไปด้วย<p> ในขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าวการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา<br>ต่างพากันออกมายืนดูการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่หน้าบ้านตนเอง<br>ต่างคนก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา<br>บางก็ว่าจะเป็นช่วงวิกฤตแก่บ้านเมือง อันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง<p><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082819">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082819</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-19558484782691289112009-07-23T15:56:00.001+07:002009-07-23T15:56:50.789+07:00ชาวอุดรฯ ร่วมปลูกต้นตะกู 5 แสนต้น เฉลิมพระเกียรติฯ ในนิคมสร้างตนเองห้วยหลวงอุดรธานี - ชาว จ.อุดรธานี พร้อมใจปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 76 พรรษา<br>สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บนพื้นที่ 150 ไร่ด้วยต้นตะกู<br>ร่วม 5 แสนต้น ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองห้วยหลวง<br>หวังฟื้นป่าช่วยอนุรักษ์ดิน น้ำ และ สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ<br>เป็นแหล่งอาหารสัตว์นานาชนิด<p> วันนี้ (23 ก.ค.) เวลา 10.00<br>น.ที่บริเวณพื้นที่นิคมสร้างตนเองห้วยหลวง ต.กุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี<br>นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้นำหน่วยงานภาครัฐ<br>เอกชน และประชาชนจำนวน 6,662 คน พร้อมใจการกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 76<br>พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมี ม.ร.ว.สมลาภ<br>กิติยากร ประธานมูลนิธิดินน้ำใส แห่งประเทศไทย ร่วมปลูกป่าในครั้งนี้ด้วย<p> ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมูลนิธิดินดี น้ำใส แห่งประเทศไทย<br>ได้มอบกล้าไม้มหาเศรษฐี (ต้นตะกู) ให้จังหวัดอุดรธานี จำนวน 500,000 ต้น<br>เพื่อดำเนินการปลูกในหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนเพื่อวัตถุประสงค์ในการ<br>อนุรักษ์ ดิน น้ำ ป่า และสิ่งแวดล้อม<br>ซึ่งเป็นทรัพย์ยากรอันสำคัญของประเทศชาติและมนุษย์<p> ในการปลูกป่าในพื้นที่จำนวน 150 ไร่ครั้งนี้ ได้นำต้นมหาเศรษฐี<br>หรือต้นตะกู จำนวน 500,000 ต้น<br>ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็วเป็นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 16.77<br>เมตร ผลัดใบในฤดูแล้ง<br>จะเจริญเติบในดินตะกอนที่ทับถมผิวหน้าดินลึกระบายน้ำดี<br>พร้อมทั้งนำพันธ์ปลานิลจำนวน1,000 ตัว มาปล่อยในแหล่งน้ำ<p> การปลูกป่าครั้งนี้จะเป็นการอนุรักษ์ดิน น้ำ<br>และสิ่งแวดล้อมธรรมชาติในระบบนิเวศ<br>อันเป็นทรัพย์กรที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ อีกทั้งเป็นการถวายเป็นพระราชกุล<br>เนื่องในวโรกาสมหามงคลพระชนมายุครบ 76 พรรษา<br>ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชนนีนาถ<br>ทั้งยังเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ<br>ที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยในด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้<br>ให้คนไทยทุกคนได้ตระหนักในความสำคัญของป่าไม้ ว่ามีประโยชน์นานาประการ<p> นอกเหนือจากจะช่วยขจัดอากาศที่เป็นพิษ<br>เป็นที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์<br>และเป็นคลังแห่งยารักษาโรคหลายพันหมื่นชนิดซึ่งจะเป็นแหล่งผลิตน้ำให้มนุษย์<br>ชาติต่อไป<p> หลังจากร่วมกันปลูกป่าแล้ว<br>ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานียังทำการมอบกล้าไม้มหาเศรษฐี หรือต้นตะกู<br>ให้แก่หน่วยงานที่เข้าร่วมปลูกป่าและตัวแทนชาวบ้าน<br>เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่ใกล้ป่าใกล้หมู่บ้านเพื่อให้ดินดำน้ำชุ่มต่อผืนแผ่น<br>ดินไทยต่อไป พร้อมกันนี้ ม.ร.ว.สมลาภ กิติยากร ประธานมูลนิธิดินดีน้ำใส<br>แห่งประเทศไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี<br>ยังได้ทำพิธีปล่อยพันธุ์ปลานิลจำนวน 1,000 ตัวอีกด้วย<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083316">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083316</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-30844763500129705162009-07-20T16:51:00.001+07:002009-07-20T16:51:37.950+07:00ตร.อุดรล้างห้องขังหลังพบผู้ต้องหาติดเชื้อหวัด 2009โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กรกฎาคม 2552 14:42 น.<br> อุดรธานี-ตำรวจ อุดรฯ<br>ล้างห้องกักขังหลังพบผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี<br>ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br>ด้านรพ.ศูนย์อุดรฯปัดข่าวมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009<p> วันที่ 17 ก.ค. พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี<br>ได้สั่งให้ตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ทุกนาย สวมหน้ากากปิดปากและจมูก<br>หลังนายณรงค์ หรือแหล่ อินทปัต อายุ 23 ปี<br>ผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี<br>ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องควบคุม<br>สภ.เมืองอุดรธานี ระหว่างวันที่ 12 - 14 กรกฎาคม<br>โดยระหว่างควบคุมตัวพนักงานสอบสวนได้นำตัวออกมาสอบสวนปากคำ<br>พบว่าผู้ต้องหามีไข้ ไอ และจาม<p> หลังจากนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางอุดรธานี<br>พบว่ามีอาการไม่ดีขึ้น จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี<br>จึงทราบว่าผู้ต้องหาติดเชื้อ เกรงว่าเชื้อไข้หวัดจะแพร่กระจายไปสู่ตำรวจ<br>และผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวในวันเดียวกันอีก 41 ราย<br>จึงสั่งให้ทำความสะอาดโรงพัก และห้องขัง<br>พร้อมกับนำชื่อที่อยู่ผู้ต้องขังทั้งหมดเมาส่งไปให้สำนักงานสาธารณสุข<br>จ.อุดรธานี เพื่อดำเนินการต่อ<p> นอกจากนั้น พ.ต.อ.ชวิศ<br>ยังได้นำหน้ากากแจกจ่ายให้กับผู้ต้องขังภายในห้องควบคุม<br>เพื่อเป็นการป้องกันด้วย และหากตำรวจนายใดพบว่ามีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน ไอ<br>และจาม ให้หยุดทำงานและไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันที<p> ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน นพ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล<br>นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี พร้อมด้วย นพ.ธรรมนูญ วิศิษฐ์ธนวัฒน์ รอง<br>ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ฝ่ายการแพทย์ และนายณรงค์ ชาติพรต<br>ผอ.โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ได้ร่วมกันแถลงข่าว หลังจากที่มีข่าวลือว่า<br>มีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ใน จ.อุดรธานี เสียชีวิต<br>โดยเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี<br>และนักเรียนโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล<p> นายณรงค์ ชาติพรต ผอ.โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล เปิดเผยว่า<br>หลังจากที่มีเด็กนักเรียนของโรงเรียนติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009<br>จนถึงขณะนี้มีอยู่ 11 คน ซึ่งได้เข้ารับการรักษาทั้งหมดแล้ว<br>อาการทั่วไปดีขึ้นกลับบ้านไปแล้ว 9 คน เหลืออีก 2<br>คนยังอยู่ในความดูแลของแพทย์<br>ซึ่งทางโรงเรียนได้มีการคัดกรองเด็กนักเรียนทุกวัน<br>ถ้ามีอาการเข้าข่ายก็จะให้หยุดเรียนทันที<br>และยังไม่มีผู้เสียชีวิตตามที่เป็นข่าวลือ<p> นพ.ธรรมนูญ นพ.ธรรมนูญ วิศิษฐ์ธนวัฒน์ รอง<br>ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ฝ่ายการแพทย์ เปิดเผยว่า<br>มีกระแสข่าวว่าพยาบาลของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี<br>ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเสียชีวิตลงนั้น<br>ขอยืนว่าไม่มีทั้งภายในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาล<br>โดยทั้งแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาล มีการป้องกันการติดเชื้อเป็นอย่างดี<br>ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ และหากมีการดูแลผู้ติดเชื้อ<br>ก็จะทำการแยกรักษาอย่างชัดเจน<p> นพ.สัญชัย กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่<br>2009 ใน จ.อุดรธานี ขณะนี้มียอดผู้ป่วย 127 คน รักษาหายกลับบ้านได้ 54<br>ราย อยู่ระหว่างเฝ้าระวังรักษา 73 ราย โดยแยกเป็นรักษาตัวที่บ้าน 34 ราย<br>ที่โรงพยาบาล 39 ราย ในเขต อ.เมือง 69 ราย นอกเขตอำเภอเมือง 58 ราย<br>โดยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคนี้แต่อย่างใด.fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-25940923110502779242009-07-17T17:21:00.000+07:002009-07-17T22:20:15.819+07:00St.Mall อุดรฯ พร้อมตีตลาดขอนแก่น-สิ้นปีเปิดครบ 10 สาขาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2552 11:37 น.<br> <br>เซนต์ มอลล์ (St.Mall)โมเดิร์นเทรดสินค้าตกแต่งบ้านระดับไฮเอนด์<br>ตั้งอยู่ริมถนนอุดรธานี-สกลนคร<br> ศูนย์ข่าวขอนแก่น- St.Mall<br>ศูนย์จำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านระดับไฮเอนด์<br>เตรียมขยายสาขาตีตลาดเมืองหมอแคนไตรมาส 3ปีหน้า หลังลงทุน<br>170ล้านชิมลางตลาดในอุดรฯมาร่วม 2<br>ปีลูกค้ากระเป๋าหนักให้การตอบรับน่าพอใจ<br>เผยแม้ธุรกิจวัสดุก่อสร้างแข่งกันหนักแต่ไม่มีเจ้าใดจับลูกค้าระดับบนโดยตรง<br>ทำให้เห็นโอกาสทางการตลาดเล็งเปิดต่อโคราช-อุบลฯ<br>ขณะเดียวกันไม่ทิ้งตลาดแมสลุยเปิด EASY HOME<br>ร้านสะดวกซื้อวัสดุก่อสร้างตามย่านชุมชนใหญ่-ต่างอำเภอ คาดสิ้นปี 52<br>เปิดครบ10 สาขา<p> นายปรัชญา ตรังคานุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทศรีไทยใหม่<br>จำกัด เจ้าของเซนต์ มอลล์ (St.Mall)<br>โมเดิร์นเทรดสินค้าตกแต่งบ้านระดับไฮเอนด์ ในจังหวัดอุดรธานี<br>เปิดเผยว่าหลังจากเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างประเภทตกแต่งแบรนด์<br>หรู บนถนนนิตโย ต.หนองบัวมาได้ร่วม 2<br>ปีได้รับการตอบสนองจากตลาดค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ<br>เพราะเป็นโชว์รูมที่เน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดบนเป็นหลัก<br>ที่ผ่านมายอดขายเติบโตขึ้นราวปีละ 20% และคาดว่าเมื่อสิ้นปี 2552<br>ยอดขายจะขยายตัวมากถึง 30%<p> เซนต์ มอลล์ ศูนย์จำหน่ายเซรามิค<br>สุขภัณฑ์ห้องน้ำและผลิตภัณฑ์ตกแต่งห้องครัว มีพื้นที่ขายราว 4,200<br>ตารางเมตร ด้านหลังเป็นโกดังสินค้า ใช้เงินลงทุนประมาณ 170 ล้านบาท<br>ทั้งนี้นายปรัชญาให้เหตุผลในการลงทุนเปิด เซนต์มอลล์<br>ว่าเพราะเห็นช่องว่างทางการตลาดในจังหวัดอุดรธานียังไม่มีโชว์รูมจำหน่าย<br>สินค้าวัสดุก่อสร้างตกแต่งที่จับตลาดบนโดยเฉพาะ<br>แม้จะมีร้านค้าวัสดุก่อสร้างในพื้นที่จำนวนหลายรายและแข่งขันกันสูงมาก<br>ทั้งร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปและดิสเคานต์สไตล์แนวโมเดิร์น เทรด<p> นายปรัชญาระบุว่า<br>ตัวเขาเองบริหารธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างศรีไทยใหม่ของตระกูลมานานร่วม 15<br>ปี ยอมรับว่าการแข่งขันของสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านในอุดรธานีแข่งขัน<br>กันสูงมาก มีทั้งกลุ่มโกลบอลเฮ้าส์, กลุ่มไทยพิพัฒน์, อินเด็กซ์ลิฟวิ่ง<br>มอลล์, โฮมโปร ไม่นับรวมรายย่อยอีกหลายเจ้า อย่างไรก็ตาม<br>ในตลาดยังไม่มีโชว์รูมที่เปิดจำหน่ายเฉพาะสินค้าตกแต่งบ้านที่เน้นเฉพาะ<br>กลุ่มลูกค้าระดับบนที่นิยมแบรนด์ไฮเอนด์<br>จึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มเปิดเซนต์มอลล์ที่ขายผลิตภัณฑ์เซรามิก<br>สุขภัณฑ์ห้องน้ำและผลิตภัณฑ์ตกแต่งห้องครัวสำหรับผู้ที่มีรสนิยมแบรนด์หรู<br>ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ไม่ค่อยเหมือนใคร<p>ภายในเซนต์ มอลล์ นำสินค้าแบรนด์ชั้นนำ รวบรวมไว้ในพื้นที่ขายมากกว่า<br>4,200 ตารางเมตร<br> "ร่วม 2 ปีที่เราเปิดเซนต์มอลล์ ลูกค้าให้การตอบรับน่าพอใจ<br>เมื่อเข้ามาร้านเราอาจจะไม่เห็นบรรยากาศการเลือกซื้อสินค้าที่พลุกพล่าน<br>เหมือนที่อื่นๆ ลูกค้าที่เข้าเซนต์มอลล์จะตั้งใจมาซื้อมากกว่า<br>เป็นการบอกต่อๆ กันไปในกลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมเดียวกัน<br>แต่ใช่ว่าร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่อื่นจะไม่มีแบรนด์ไฮเอนด์ขาย<br>เขาก็มีให้เลือกเช่นกัน<br>แต่ที่เซนต์มอลล์จะขายสินค้าแบรนด์ระดับบนเป็นหลัก"นายปรัชญากล่าวและเปิดเผยถึงแผนงานในอนาคตต่อว่า<p> ในราวไตร มาส 3 ของปี 2553<br>ทางบริษัทมีโครงการจะขยายสาขาไปยังจังหวัดขอนแก่น ที่เลือกเปิดสาขา 2<br>ที่ขอนแก่นเพราะระยะทางไม่ไกลจากอุดรธานีมากนัก<br>ทำให้การบริหารและการขนส่งสินค้าสะดวก ขอนแก่นเป็นจังหวัดใหญ่<br>ปัจจุบันแม้จะมีร้านค้าวัสดุก่อสร้างอยู่มากรายแล้วก็ตาม<br>แต่ตลาดยังไม่มีโชว์รูมขายผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านระดับบนเป็นการเฉพาะ<br>โดยขนาดเซนต์มอลล์ขอนแก่นจะเล็กกว่าที่อุดรธานี<br>คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 60-70 ล้านบาท<p> สำหรับอนาคตหลังจากเปิดสาขาขอนแก่นและผลประกอบการอยู่ในระดับที่น่าพอใจแล้ว<br>จะขยายสาขาต่อในจังหวัดนครราชสีมาและอุบลราชธานี<p> สาเหตุที่เซนต์มอลล์รุกขยายสาขาออกต่างจังหวัดค่อนข้างเร็วเช่นนี้<br>นายปรัชญาระบุว่าเป็นเพราะศรีไทยใหม่มีฐานธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างเป็นทุน<br>เดิมอยู่แล้ว ทั้งยังมีกิจการขนส่งเป็นของตนเอง<br>ทำให้ลดต้นทุนการสต๊อกสินค้าและการขนส่งได้พอสมควร<br>ปัจจุบันศรีไทยใหม่ขนส่งสินค้าเกษตรประเภทข้าวส่งไปยังภาคกลางอยู่แล้วและ<br>ขากลับก็ขนสินค้าวัสดุก่อสร้างกลับมา<p> "เซนต์มอลล์ถือเป็นเจ้าแรกในภาคอีสานที่ขายผลิตภัณฑ์ตกแต่งที่มุ่ง<br>ตลาดไฮเอ็นด์เป็นหลัก แม้เซนต์มอลล์สาขาแรกที่อุดรยังไม่คืนทุน<br>แต่คาดว่าตัวเลขยอดขายสิ้นปีนี้น่าจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้<br>เมื่อเราตั้งใจจะเจาะตลาดบนแล้วก็ไม่อยากเสียโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว"<br>นายปรัชญากล่าวและเปิดเผยเพิ่มเติมว่า<p>ผลิตภัณฑ์เครื่องสุขภัณฑ์ มีให้ลูกค้าเลือกในหลากหลายแบรนด์<br> <br> นอกจากบริษัท ศรีไทยใหม่<br>ในกลุ่มธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างจะขยายไลน์มาจับตลาดสินค้าตกแต่งกลุ่มลูกค้า<br>กำลังซื้อสูงในนาม เซนต์มอลล์ (St.Mall) แล้ว ยังได้เปิดอีซี โฮม (EASY<br>HOME) ร้านค้าวัสดุก่อสร้างในรูปแบบคอนวีเนียนสโตร์เมื่อ 3 ปีก่อน<br>โดยมุ่งจับลูกค้าทั่วไปตามย่านชุมชนใหญ่ๆ<br>ขนาดพื้นที่ขายใกล้เคียงกับร้านสะดวกซื้อทั่วไป<br>ภายในร้านมีสินค้าวัสดุก่อสร้างของตกแต่งบ้าน<br>รวมถึงเครื่องมือช่างทั่วไปที่หลากหลาย อีซี โฮม<br>ต้องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วไปที่มีความจำเป็นใช้วัสดุก่อสร้าง<br>บางชิ้นบางรายการที่ขาดกะทันหัน หรือซื้อนำไปซ่อมแซม<br>โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร้านวัสดุก่อสร้างใหญ่ๆที่อยู่ห่างไกลที่พักอาศัย<p> ปัจจุบัน อีซี โฮม มีทั้งหมด 7 สาขา 3<br>สาขาแรกตั้งอยู่ในย่านชุมชนเขตเมืองอุดรธานี อีก 4<br>สาขาอยู่ในอำเภอหนองวอซอ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี, อำเภอปากคาด และอำเภอบึงกาฬ<br>จ.หนองคาย และภายในปี 2552 นี้จะเปิดให้ครบ 10 สาขา<p> "ถือเป็นร้านสะดวกซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างต้นแบบในตลาดก็ว่าได้<br>ใช้เงินลงทุนราว 2 ล้านบาทต่อสาขา ภายใน 3 ปีคืนทุน<br>ตัวสินค้าที่วางขายในร้านจะเน้นจำพวกที่จำเป็นใช้ในบ้าน อาคารสำนักงาน"<br>นายปรัชญากล่าวfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-20780632431190735742009-07-16T17:09:00.001+07:002009-07-16T17:09:08.744+07:00ผู้ป่วยหวัด 2009 อุดรฯ พุ่ง 127 ราย สสจ.เร่งแนะนำวิธีป้องกันอุดรธานี - สสจ.อุดรธานี ออกให้คำแนะนำป้องกันหวัด 2009<br>พร้อมชี้วิธีการรับมือในสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในสถานศึกษา หน้าเสาธง<br>หลังพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นแล้ว 127 ราย<br>ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองมีผู้ป่วยสูงสุดถึง 58 ราย<p> วันนี้ (16 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี<br>ได้ออกให้คำแนะนำไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br>ให้กับนักเรียนนักศึกษาของวิทยาลัยอาชีวะศึกษาอุดรธานี<br>มีนักเรียนนักศึกษาจำนวน 1,500 เข้ารับฟังการแนะนำ<p> โดยทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดได้แนะนำให้นักเรียน นักศึกษา<br>อาจารย์ ที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก<br>ปวดเมื่อยเนื้อตัว หยุดเรียนและพักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก<br>ควรให้ผู้ป่วยนอนแยกห้อง หรือหากมีอาการป่วยมาก<br>ควรรีบไปรับการตรวจรักษาจากแพทย์<br>พร้อมกันนั้นได้มีการสาธิตการใช้หน้ากากอานามัย การล้างมืออย่างถูกวิธี<br>การป้องกันตัวเองหากติดไข้หวัด และหากติดหวัดควรทำอย่างไร<p> ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เน้นย้ำให้อาจารย์เข้มงวดในการตรวจความผิดปกติ<br>หากพบนักเรียนขาดเรียน 3 คนขึ้นไป ในชั้นเรียนให้สอบสาเหตุ<br>หากพบเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br>ต้องรีบแจ้งสาธารณสุขในพื้นที่ทันที<p> สำหรับยอดผู้ป่วยของจังหวัดอุดรธานี ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2552<br>มียอดสะสมจำนวน 127 ราย รักษาหายแล้ว 54 ราย อยู่ระหว่างเฝ้าระวังรักษา<br>73 ราย แยกเป็นรักษาตัวที่บ้าน 34 ราย ที่โรงพยาบาล 39 ราย<br>ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง 69 ราย นอกเขตอำเภอเมือง 58<br>ราย<p> สำหรับ ผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้<br>ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข <a href="http://www.moph.go.th">www.moph.go.th</a> และหากมีข้อสงสัย<br>สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์<br>0-2590-3333 และศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข<br>หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-1994 ตลอด 24 ชั่วโมงfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-57700586073497023962009-07-15T16:45:00.001+07:002009-07-15T16:45:41.639+07:00โชวห่วย 3 จว.อีสานรวมพลังต้านเทสโก้โลตัสศูนย์ข่าวขอนแก่น- โชวห่วย 3 จังหวัด ขอนแก่น อุดรธานี ชัยภูมิ<br>รวมพลังสร้างเครือข่ายไม่เอา "เทสโก้ โลตัส" หลังถูกทุนข้ามชาติ<br>รุกหนักใช้ "โลตัส เอ็กซ์เพรส"<br>แชร์ตลาดค้าปลีกผุดสาขาขนาดเล็กในย่านชุมชนหลายอำเภอ<br>ระบุทุนท้องถิ่นเสียเปรียบทุกมิติ ทั้งขอความเห็นใจจากสังคม<br>ชี้วางมาตรการต้านยื่นหนังสือค้านต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br>ควบคู่ทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้ค้าย่อยในพื้นที่<br>ถึงที่สุดต้องรวมตัวยื่นหนังสือถึงพ่อเมือง<br>ขอความเป็นธรรมยับยั้งห้างต่างชาติจนกว่าจะมี พ.ร.บ.ค้าปลีก<br>กำกับการแข่งขัน<p> พลันที่ห้างเทสโก้ โลตัส รุกหนักขยายสาขาสู่ต่างจังหวัด<br>แม้จะถูกคัดค้านจากผู้ประกอบการในพื้นที่ และถูกกฎหมายผังเมืองควบคุม<br>ขนาดธุรกิจเอาไว้ แต่เทสโก้ โลตัส ไม่ได้ละความพยายาม<br>ปรับกลยุทธ์ลดขนาดธุรกิจลงให้สอดคล้องกับกฎหมายผังเมือง<br>ให้มีพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตร เปิดสาขาย่อยในย่านชุมชน<br>จนเกิดกระแสต่อต้านทุนค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง<p> โดยเฉพาะกรณีปัญหาที่ จ.ขอนแก่น เทสโก้ โลตัส<br>ได้ยื่นหนังสือขออนุญาตเปิดห้าง ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันในหลายพื้นที่<br>ทั้งอำเภอเมืองหลายสาขา อ.ภูเวียง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น<br>รวมถึงอำเภออื่นก็มีกระแสข่าวจะขออนุญาตปรับพื้นที่เปิดห้างเทสโก้ โลตัส<br>ขนาดเล็ก แต่ยังไม่ดำเนินการขออนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br>จึงเกิดกระแสคัดค้านการเปิดห้างเทสโก้ โลตัสขึ้นในพื้นที่อย่างเข้มข้น<p> ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ ประกอบการค้าปลีก (โชวห่วย)<br>ได้หารือกันถึงสถานการณ์ปัญหา ที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น โดยมีร้านโชวห่วย<br>จาก 10 อำเภอ 3 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ชุมแพ อ.บ้านไผ่<br>อ.หนองสองห้อง อ.ภูเวียง อ.พล จ.ขอนแก่น อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ อ.โนนสะอาด<br>อ.ศรีธาตุ และอ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี<br>ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานและหาแนวทางการต่อต้านห้างเทสโก้ โลตัส<p><br> นาย นริศ จรรยานิทัศน์ ผู้ประกอบการค้าปลีกจาก อ.บ้านไผ่<br>ในฐานะเลขาธิการชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่น<br>เปิดเผยว่า ร้านโชวห่วยทั้ง 3 จังหวัด<br>มีความเห็นร่วมกันที่จะสร้างเครือข่ายต่อต้านห้างเทสโก้ โลตัส<br>ทุนค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่ รุกคืบใช้ความได้เปรียบในช่วงที่ไม่มี<br>กฎหมายค้าปลีกเข้ามากำกับการแข่งขัน<br>รุกเปิดสาขาขนาดเล็กในพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตรในหลายอำเภอ<p> การเปิดเทสโก้ โลตัส ในท้องถิ่น เป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม<br>เทสโก้ โลตัส ได้เปรียบร้านโชวห่วยทุกมิติ ทั้ง สายป่านธุรกิจ<br>การบริหารจัดการ อำนาจการต่อรอง รูปแบบธุรกิจ กลยุทธ์ด้านราคา ฯลฯ<br>การเปิดห้างโลตัสจะทำให้ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่นั้น<br>ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จนต้องปิดกิจการลงในที่สุด<p> "ผู้ค้ารายย่อยไม่ปฏิเสธว่าการเปิดห้างเทสโก้ โลตัส<br>ส่วนหนึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์ซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าร้านโชว<br>ห่วยทั่วไป แต่หากมองผลกระทบระยะยาว เมื่อกิจการรายย่อย<br>ต้องล้มหายไปจากระบบ จะมีผู้กำหนดราคาเพียงไม่กี่ราย กุมอำนาจทางการค้า<br>สามารถกำหนดราคา ตักตวงผลประโยชน์ลักษณะใดก็ได้" นายนริศกล่าวและว่า<p> ประเด็น ปัญหาดังกล่าว<br>ร้านโชวห่วยทุกอำเภอจะตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาผล<br>กระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ค้ารายย่อยให้ครอบคลุมทุกกิจการ<br>พร้อมกับเร่งทำความเข้าใจแก่ประชาชนรายย่อยที่ต้องการให้เทสโก้<br>โลตัสเปิดห้าง ให้รับทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น<br>โดยเฉพาะผลกระทบระยะยาวที่มีค้าปลีกรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย<br>กุมอำนาจค้าปลีกในพื้นที่<p> ควบคู่กับมาตรการคัดค้าน โดยร้านโชวห่วยแต่ละพื้นที่จะร่วมกัน<br>ทำหนังสือยับยั้งการขออนุญาตปรับพื้นที่ของเทสโก้ โลตัส<br>แก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าของพื้นที่ เช่น<br>นายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือนายกเทศมนตรีแต่ละแห่ง<br>รวมถึงยื่นหนังสือคัดค้านไปยังนายอำเภอเจ้าของพื้นที่ด้วย<br>ล่าสุดดำเนินการไปแล้วประกอบด้วย อ.น้ำพอง อ.หนองสองห้อง อ.พล อ.ภูเขียว<br>ส่วนอำเภออื่นที่ยังไม่มีการยื่นขออนุญาต<br>จะเฝ้าระวังกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด<p> นายนริศกล่าวต่อว่า การ รุกของห้างเทสโก้ โลตัส<br>ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างรุนแรง<br>เป็นปัญหาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเข้ามาดูแลให้เกิดความเป็นธรรม<br>โดยร้านโชวห่วยทุกอำเภอที่ได้รับความเดือดร้อน<br>จะรวมตัวกันหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น<br>เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น<br>ให้เข้ามาดูแลปัญหาความเดือดร้อนของกิจการโชวห่วยในพื้นที่ปกครองของตนเอง<p> โดยเฉพาะประเด็นการเร่งเปิดห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส<br>ในช่วงที่ยังไม่มี พ.ร.บ.ค้าปลีกออกมากำกับดูแล<br>ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อกิจการรายย่อยในท้องถิ่น<br>จะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น<br>และจังหวัดอื่นที่ได้รับความเดือดร้อน<br>ให้ใช้อำนาจยับยั้งการเปิดห้างไว้ก่อน จนกว่าจะมี<br>พ.ร.บ.ค้าปลีกออกมากำกับการแข่งขัน<p> สำหรับกระแสการเปิดห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส<br>เฉพาะในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น มีกระแสข่าวว่าจะเปิดไม่ต่ำกว่า 10 สาขา<br>ตามย่านชุมชนขนาดใหญ่ และที่ชัดเจนที่ได้ปรับปรุงพื้นที่ไปแล้วคือ<br>บริเวณชุมชนตลาดหนองใหญ่ และย่านชุมชนสามแยกบ้านดอน<br>ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น รวมถึงการขออนุญาตปรับพื้นที่ใน อ.ภูเวียง<br>อ.หนองสองห้อง และอ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น<p> ทั้งที่มีสาขาหลักเต็มรูปแบบ 1 สาขา บนถนนมิตรภาพ อ.เมือง<br>จ.ขอนแก่น และตลาดสดเทสโก้ โลตัส ที่เปิดดำเนินการไปแล้ว<br>ภายในห้างสรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และตลาดสดโลตัส<br>อ.พล จ.ขอนแก่น<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079745">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079745</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-68446265135124109792009-07-15T16:44:00.001+07:002009-07-15T16:44:18.458+07:00ขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งรอบ 2 ที่อุดรฯ คึก 10 นาที ขายได้เฉียด 40 ล้านอุดรธานี - บรรยากาศซื้อขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งรอบสอง<br>สำหรับประชาชนทั่วไปที่จังหวัดอุดรธานี คึกคัก<br>มีประชาชนมาชื้อพันธบัตรตั้งแต่เช้า เพียง 10 นาที ขายไปกว่า 37 ล้านบาท<p> แต่เช้าวันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการซื้อขาย<br>"พันธบัตรไทยเข้มแข็ง" ตามธนาคารพาณิชย์ในจังหวัดอุดรธานี<br>ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้มีผู้ประชาชนนำเอกสารมาเสนอขอซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็ง<br>เป็นจำนวนมาก ซึ่งวันนี้จำหน่ายเป็นรอบที่สองสำหรับประชาชนทั่วไป<p> นายอรุณเดช จันทร์งามศรี ผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)<br>สาขาถนนอุดรธานี ได้เปิดเผย<br>วันนี้ทางธนาคารได้เปิดขายพันธบัตรไทยเข็มแข็งวันที่สอง<br>ซึ่งจากการเปิดขายรอบแรกสำหรับผู้สูงอายุที่ผ่านมามีผู้สูงอายุให้การตอบรับ<br>เป็นอย่างดี มียอดผู้มาซื้อขายพันธบัตร 28 ราย เป็นจำนวนเงิน 23 ล้านบาท<p> สำหรับวันนี้ เป็นการเปิดซื้อพันธบัตรรอบสอง<br>โดยทางธนาคารได้แนะนำถึงวิธีการและขั้นตอน<br>ตลอดจนการเตรียมเอกสารให้แก่ลูกค้าก่อนที่จะซื้อ<br>โดยในระหว่างการซื้อขายนั้นทางธนาคารกรุงเทพไม่มีปัญหาใดๆ<br>มีการเปิดจำหน่ายเป็นไปอย่างราบรื่น<p> โดยขณะนี้มียอดผู้มารอซื้อพันธบัตรตั้งแต่เวลา 08.30-08.45<br>น.จำนวน 50 ราย มียอดการพันธบัตรไปแล้วกว่า 37.270 ล้านบาท<br>สรุปในวันนี้มีประชาชนเดินทางมาซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งในรอบนี้<br>ของสาขาถนนอุดรธานี จำนวน 56 ราย มียอดเงินทั้งสิ้น<br>สี่สิบสามล้านเก้าแสนบาท (43,900,000) ภายในเวลา 20 นาทีเท่านั้น<p> ทั้งนี้ ประชาชนผู้มารอซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งในรอบนี้ในวันนี้<br>จำนวน 7 ราย ต้องเสียใจเนื่องจากมาซื้อไม่ทัน<p> นางกัญญบบตร์ วณิชปัญวพล ประชาชนผู้มาซื้อพันธบัตร กล่าวว่า<br>พันธบัตรไทยเข็มแข็งนี้ เป็นการออมเงินทีดีอีกวิธีหนึ่ง<br>ซึ่งตนเห็นว่าอยากจะให้มีการเพิ่มวงเงินขึ้นอีก น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3<br>ล้านบาท/ราย ซึ่ง 1 ล้านบาทนั้นน้อยไปfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-87791709581643127282009-07-15T16:42:00.001+07:002009-07-15T16:42:12.906+07:00อสม.ต.เวียงคำ อุดรฯ หัวใสใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผลิตหน้ากากป้องกันหวัดใหญ่ขายอุดรธานี- กลุ่มแม่บ้าน อสม.ตำบลเวียงคำ อุดรฯ หัวใส<br>ผลิตหน้ากากอนามัยราคาถูกส่งขายท่ามกลางสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009<br>กำลังแพร่ระบาด เผย<br>อาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านผลิตจากวัตถุดิบที่หาซื้อได้ง่ายราคาถูกในตลาด<br>ขายเพียง 10 บาท/ผืน ขณะที่ต้นทุนไม่เกิน 7 บาท<p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ งานการตลาดนัดสุขภาพ<br>สถานีอนามัยบ้านทองอินทร์ ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี กลุ่มแม่บ้าน<br>อสม.ตำบลเวียงคำ<br>ได้นำหน้ากากอนามัยที่ทำขึ้นเองมาวางจำหน่ายและสาธิตในการผลิตด้วยงานเย็บ<br>ผ้าของภูมิปัญญาชาวบ้าน ท่ามกลางสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>2009 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในขณะนี้<br>ส่งผลให้ยอดการผลิตหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอกับความต้องการ<p> จากกระแสตอบรับงานเย็บหน้ากากอนามัยอย่างท่วมท้นดังกล่าว<br>ทำให้กลุ่มแม่ อสม.แห่งนี้<br>ได้เกิดแนวความคิดที่จะผลิตขึ้นมาวางจำหน่ายในท้องตลาดราคาถูก<p> นางจำนงค์ เทศมี อายุ 44 ปี บ.71 ม.6 ต.เวียงคำ อ.กุมภวาปี<br>อสม.ของตำบลเวียงคำ เปิดเผยว่า หลังจากมีการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009<br>ทางอนามัยเวียงคำ ได้นำหน้ากากอนามัย<br>มาแจกให้กับชาวบ้านในชุมชนแต่มีจำนวนจำกัดไม่เพียงพอกับความต้องการ<br>จึงได้เกิดความคิดในการทำหน้ากากอนามัยขึ้นมาใช้เอง<br>จึงได้รวมกลุ่มแม่บ้านของ อสม.จำนวน 10 คน และนำเงินทุนของ อสม.จำนวน<br>10,000 บาท มาเป็นทุนในการซื้อวัตถุดิบทำการผลิต<p> สำหรับวัตถุดิบนั้นได้เลือกใช้เสื้อป่านที่หาซื้อได้จากท้องตลาดใน<br>ราคาเมตรละ 40 บาท มาทำหน้ากากสามารถผลิตได้ 100 อัน<br>และยางยืดนั้นซื้อมาเป็นแพ็กๆ ละ 25 บาท ทำหน้ากากได้จำนวน 29 อัน<br>ซึ่งได้ตัดผ้าให้มีขนาดกว้าง 6 นิ้วครึ่ง ยาว 10 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 ชิ้น<br>แล้วทำการเย็บประกบใส่กันจากนั้นถึงเย็บยางยืดใส่ทั้ง 2 ข้าง<br>แล้วก็นำไปรีดก่อนที่จะนำไปจำหน่ายในราคาอันละ 10 บาท<br>ซึ่งต้นทุนในการผลิตขึ้นนั้นเพียงแค่ราคา 7 บาท เท่านั้นเอง<p> นางจำนง กล่าวอีกว่า ใน แต่ละวันสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้จำนวน<br>200 อัน ซึ่งทำให้มีเพียงพอไว้จำหน่ายให้แก่ชาวบ้าน<br>ในเขตพื้นที่อำเภอกุมภวาปี ซึ่งมีสถานีอนามัยอยู่จำนวน 17 แห่ง และ<br>ศูนย์สุขภาพชุมชน 2 แห่ง โดยมีประชากรทั้งหมดจำนวน 125,504 คน นอกจากนี้<br>ก็ได้มีกลุ่มแม่บ้าน อสม.อีกหลายแห่ง<br>มาศึกษาดูงานในการผลิตหน้ากากอนามัยขึ้นมา<br>ทำให้มีการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมาในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันในตอนนี้<p> ส่วนหน้ากากอนามัยที่ทำขึ้นเอง<br>สามารถนำไปซักแล้วกลับเอามาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง<br>ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินหลายครั้งในการซื้อหน้ากากอนามัยมาใช้ป้องกันโรคไข้<br>หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<p><br><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079471">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079471</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-87383263081135886622009-07-14T16:43:00.001+07:002009-07-14T16:43:21.548+07:00กอ.รมน.ร่วมฝึกทบทวนตั้งไทยอาสาป้องกันชาติอุดรธานี - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2<br>และศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติภาค 2 จัดฝึกอบรมทบทวน จัดตั้งสมาชิก<br>ไทยอาสาป้องกันชาติ เพื่อปลุกฝั่งจิตสำนึกและมีอุดการณ์ รักชาติ ศาสนา<br>และสถาบันพระมหากษัตริย์<p> วันนี้ (13 ก.ค.) เวลา 13.30 น.ที่ค่ายประจักษ์ศิลปาคม<br>มณฑลทหารบกที่ 24 พลตรี ชูรัตน์ เสน่ห์เมือง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24<br>เป็นประธานเปิดการอบรมทบทาวน จัดตั้งเป็นสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ หรือ<br>ทสปช.<p> พันเอก อนุสรณ์ นุตสถิต หัวหน้าแผนกกิจการมวลชน<br>กองงานมวลชนและกิจการพิเศษ กล่าวว่า<br>กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติกลาง<br>ได้กำหนดให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2<br>และศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติภาค 2 ดำเนินการฝึกอบรมทบทวน<br>จัดตั้งเป็นสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ ประจำปี 2552 ขึ้น<p> ทั้งนี้ เพื่อทบทวนสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติเก่าที่พ้นสภาพ<br>ให้มีความรู้ความเข้าใจในการรักษาความมั่นคงของชาติ<br>มีจิตสำนึกและมีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์<br>มีส่วนร่วมในการพัฒนาหมู่บ้านของตนเอง<br>เป็นกำลังในการรวมพลังมวลชนและร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ<br>ที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของหมู่บ้านพร้อมทั้งสามารถทำ<br>หน้าที่เป็นกำลังมวลชน<br>ที่สามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐในการป้องกันประเทศ<br>เมื่อได้รับการฝึกตามหลักสูตร ไทยอาสาป้องกันชาติเพิ่มเติม<p> การฝึกอบรมครั้งนี้ ได้เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาบรรยาย เรื่อง<br>ประวัติศาสตร์ชาติไทย การสร้างความเข้าใจในเรื่อง<br>ภัยคุกคามความมั่นคงชายแดน และการมีส่วนร่วมของประชาชน<p> โดยมีผู้เข้ารับการฝึกเป็นสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ<br>จากจังหวัดอุดรธานี, หนองคาย, หนองบัวลำภู และ เลย จังหวัดละ 50 คน จำนวน<br>200 คน<p> พลตรี ชูรัตน์ เสน่ห์เมือง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 กล่าวว่า<br>โครงการไทยอาสาป้องกันชาติเป็นโครงการ ที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ<br>เป็นการอบรมราษฎรในพื้นที่ ที่มีปัญหาด้านความมั่นคงให้มีความรู้<br>ความสามารถ มีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการป้องกันประเทศ<p> ดังนั้น สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ จะต้องเป็นผู้มีความรู้<br>ความสามารถ มีความเข้มแข็ง มีระเบียนวินัย<br>มีความเข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทย<br>มีกำลังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-66927858074689075412009-07-13T12:02:00.001+07:002009-07-13T12:02:22.274+07:00สสจ.อุดรจี้ผู้บริหารสถานศึกษาสกัดไข้หวัด 2009โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2552 13:14 น.<br> อุดรธานี-สสจ. เรียกประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในอุดรธานีทุกระดับ<br>ย้ำให้แต่ละโรงเรียนตั้งทีมเฝ้าระวัง และจัดทำแผนกิจกรรม "Big Cleaning<br>Day" เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ขณะที่ผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังมี<br>24 ราย ด้านร้านเกมติดป้ายเตือนผู้ที่มีอาการตัวร้อนเป็นไข้ห้ามเข้าเด็ดขาด<br>หวั่นเป็นพาหะแพร่เชื้อหวัดมรณะ<p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมเทศบาลนครอุดรธานี นายสัญชัย<br>ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี<br>ได้เรียกประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ทั้ง 35 แห่ง<br>รวมถึงวิทยาลัย มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนทุกแห่ง<br>เพื่อเตรียมการในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br>ในสถานศึกษา ที่กำลังมีการระบาดในพื้นที่ จ.อุดรธานี<br>โดยมีการกล่าวถึงสถานการณ์ของโรคฯ ในเขต จ.อุดรธานี<br>รวมถึงแนวทางการป้องกันและควบคุมโรค<p> โดยจะให้แต่ละโรงเรียนตั้งทีมเฝ้าระวัง และจัดทำแผนกิจกรรม "Big<br>Cleaning Day" ในแต่ละสถานศึกษา ที่เป็นมาตรการเชิงรุก<br>ในการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<p> นายสัญชัยกล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่<br>ที่ขึ้นทะเบียนไว้ 39 ราย แต่เป็นผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 24 ราย<br>และนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 14 ราย อีก 10 ราย<br>พักรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งทั้ง 24 รายอาการดีขึ้นแล้ว<br>เพียงแต่อยู่ในระยะที่ต้องรับประทานยาให้ครบ ซึ่งตัวเลขผู้ป่วยนี้<br>ส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยเรียนประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์<p> ฉะนั้น ทาง สสจ.อุดรธานี จึงให้ความสำคัญกับสถานศึกษา<br>จึงเชิญผู้บริหารสถานศึกษาในเขตเทศบาลนครอุดรธานีทุกแห่ง มาร่วมประชุม<br>เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้<p> "นอกจากนี้ แหล่งเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้านเกม<br>ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านอาหาร สถานกวดวิชา สถานีรถไฟ สถานประกอบการ<br>สถานบันเทิง สถานีขนส่ง สนามบิน ทาง สสจ.อุดรธานี จะเข้าไปดูแลให้คำแนะนำ<br>โดยเฉพาะร้านเกมที่มีเด็กเข้าไปให้บริการ<br>ซึ่งทางร้านจะต้องทำความสะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ การระบายอากาศ<br>และให้เด็กที่เข้าไปเล่นหยุดพักผ่อนเป็นระยะ<br>ซึ่งตัวผู้ประกอบการก็มีความเสี่ยงที่จะติดโรคได้ง่ายด้วย"<p> นายสัญชัยกล่าวอีกว่า ส่วนสถานบันเทิง ทาง สสจ.อุดรธานี<br>ได้เข้าไปดูแลและแนะนำมาแล้วในบางจุด โดยเฉพาะเรื่องห้องน้ำ<br>ที่มีลูกบิดประตูที่แขกมาใช้บริการต้องสัมผัสร่วมกัน การถูพื้น<br>การทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ เราก็ไปแนะนำ พร้อมมอบน้ำยาทำความสะอาด<br>และยังมีศูนย์เด็กเล็ก<br>ที่เราจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปแนะนำมาตรการการป้องกันให้ ซึ่งทาง<br>สสจ.อุดรธานี จะขึ้นในเว็บไซต์ของสำรนักงาน<br>เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปดูและฟังคำแนะนำเป็นรายกลุ่มทั้ง 9 กลุ่ม<br>ที่จะต้องดูแล"<p> ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบร้านเกม<br>และอินเทอร์เน็ต ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี<br>เกือบทุกร้านจะมีป้ายปิดประกาศเตือนที่หน้าร้านว่า "เพื่อป้องกันไข้หวัด<br>2009 บุคคลที่มีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน เป็นหวัด ไอ จาม<br>กรุณาห้ามเข้ามาใช้บริการภายในร้าน และขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ"<br>และป้ายติดว่า "ร้านนี้ทำความสะอาด ใส่น้ำยาฆ่าเชื้อแล้ว"<br>โดยเฉพาะผู้ที่เข้ามาเล่นเกมภายในร้านบางคนได้สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อความ<br>ปลอดภัยจากโรค<p> ส่วนที่สถาบันกวดวิชาในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ได้ปิดประกาศ<br>"เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ในจังหวัดอุดรธานี<br>สถาบันกวดวิชาฯ จะขอหยุดทำการเรียนการสอน<br>เพื่อป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ตั้งแต่วันที่ 13-28 กรกฎาคม<br>2552 และจะนัดเรียนชดเชยในภายหลัง<p> ผู้ดูแลสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง บอกว่า<br>ทางโรงเรียนพร้อมให้ความร่วมมือในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009<br>และได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรค ของกระทรวงศึกษาธิการ<br>ซึ่งในวันนี้จนถึงวันอาทิตย์จะมีการเรียนการสอน<br>เพื่อให้นักเรียนที่มาเรียนได้รับทราบว่าจะมีการปิดการเรียนการสอนถึงวันที่<br>28 กรกฎาคม และจะได้นัดนักเรียนให้ทราบว่าจะทำการเรียนชดเชยในวันไหนบ้างfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-28836947246716729362009-07-11T00:48:00.001+07:002009-07-11T00:48:51.510+07:00มรภ.อุดรฯ เชิญร่วมชมสุริยุปราคา 22 ก.ค.นี้อุดรธานี - สาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มรภ.อุดรธานี<br>เชิญร่วมชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา 22 ก.ค.นี้ โดยจังหวัดอุดรธานี<br>มีพื้นที่การบังของดวงอาทิตย์ถึง 54%<br>และจะสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้อย่างชัดเจนหากทัศนวิสัยดี<p> รายงานข่าวแจ้งว่า สาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์<br>มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จัดกิจกรรมชมสุริยุปราคา ในวันที่ 22 กรกฎาคม<br>2552 ณ บริเวณสนามฟุตบอล โดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชน<br>และผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา ตั้งแต่เวลา 06.30<br>น.เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการบรรยายพิเศษ<br>เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นในการชมสุริยุปราคา<br>พร้อมให้บริการชมสุริยุปราคาผ่านกล้องโทรทรรศน์ กล้องดูดาว<br>และแว่นตาสุริยะ โดยอาจารย์ประจำสาขาวิชาฟิสิกส์ ดร.สุวิทย์ นามมหาจักร<br>ดร.ปิยวดี ยาบุตรดี และ อยอดยิ่ง ชาวพงศ์ เป็นวิทยากรให้ความรู้<br>และแนะนำการชมสุริยุปราคาอย่างปลอดภัย<p> ปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งนี้ เป็นการเกิดสุริยุปราคาแบบเต็มดวง<br>แต่ในประเทศไทยจะเห็นเป็นแบบบางส่วน<br>และสามารถเห็นได้ทุกภูมิภาคในเวลาที่แตกต่างกัน โดยที่กรุงเทพฯ<br>ดวงจันทร์จะเริ่มเคลื่อนเข้าสู่สัมผัสแรกในเวลาประมาณ 07.06 น.<br>และสิ้นสุดเวลา 09.08 น.<p> ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนครั้งนี้จะเกิดนานที่สุดในภาคเหนือ<br>ประมาณ 2 ชั่วโมง 12 นาที ที่ จ.เชียงราย<br>ดวงอาทิตย์จะถูกดวงจันทร์บดบังมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 69<br>ของพื้นที่ดวงอาทิตย์<p> สำหรับในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี<br>ดวงจันทร์จะเริ่มเคลื่อนเข้าสู่สัมผัสแรกในเวลาประมาณ 07.05 น.<br>และสิ้นสุดเวลา 09.16 น. คิดเป็นร้อยละ 54.7 ของพื้นที่ดวงอาทิตย์<br>โดยจะสามารถเห็นปรากฏการณ์ชัดเจนที่สุดเมื่อเวลา 08.06 น.<br>ซึ่งจะสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้อย่างชัดเจนหากท้องฟ้าโปร่งและทัศนวิสัยดี<p> ทั้งนี้ ในปี 2552<br>ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาแบบบางส่วน เมื่อวันที่<br>26 มกราคม ที่ผ่านมา และครั้งนี้จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2552<br>ซึ่งครั้งต่อไปจะเกิดปรากฏการณ์นี้อีกในวันที่ 15 มกราคมปีหน้า<br>แล้วคนไทยจะต้องรอไปอีก 2 ปี<br>จึงจะสามารถชมปรากฎการณ์สุริยุปราคาได้อีกครั้ง ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2555<p> และ ครั้งต่อไปในวันที่ 8 มีนาคม 2559<br>ซึ่งจะเห็นเป็นสุริยุปราคาแบบบางส่วน<br>ด้วยเส้นทางการเกิดคราสจะผ่านประเทศจีน ญี่ปุ่น มหาสมุทรแปซิฟิก<br>และทางตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ<p><a href="http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077843">http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077843</a>fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-65105212612164718182009-07-11T00:38:00.001+07:002009-07-11T00:38:56.294+07:00ผู้ว่าฯ อุดรนำทีมโชว์ดำนาปลูกข้าวเหนียวหอมโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2552 16:12 น.<br> อุดรธานี - รองผู้ว่าฯ<br>อุดรธานีนำหัวหน้าส่วนราชการลงดำนาปลูกข้าวเหนียวหอม<br>หวังโชว์ชาวนาตัวจริงให้สนใจมาปลูกข้าวเหนียวหอมตามโครงการผลิตข้าวเหนียว<br>หอมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารและแปรรูป เผยอุดรฯ<br>เป็นแหล่งปลูกข้าวเหนียวหอมสำคัญแห่งหนึ่งของไทยที่มีพื้นที่ปลูกกว่า 1.6<br>ล้านไร่<p> ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่า วันนี้ (9 ก.ค.)<br>ที่แปลงสาธิตองค์การบริหารส่วนตำบลนาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี นายกฤษเพชร<br>ศรีปาน รองผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี นำหัวหน้าส่วนราชการลงแขกดำนา<br>ในงานรณรงค์ปักดำข้าวเหนียวหอม<br>โครงการผลิตข้าวเหนียวหอมเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการแปรรูป ปี 2552<br>โดยสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองอุดรธานี เป็นผู้จัดขึ้น<br>โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวเหนียวหอมที่ถูกต้อง<br>และเหมาะสม และเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เพิ่มสูงขึ้น<br>นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคี<br>ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐและชาวบ้าน<p> ทั้งนี้ จ.อุดรธานี<br>ถือเป็นแหล่งผลิตข้าวเหนียวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ในปีการผลิต<br>2551/52 นี้ มีพื้นที่ปลูกข้าวเหนียว 1,652,266 ไร่<br>มีชาวนาหรือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 147,896 ครัวเรือน มีค่าใช้จ่ายในการผลิต<br>2,515 บาทต่อไร่ มีผลผลิตเฉลี่ย 420 กิโลกรัมต่อไร่<br>ผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวรวมประมาณ 693,951 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000<br>ล้านบาท<p> ซึ่ง ถือได้ว่าผลผลิตต่อไร่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ<br>อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากพื้นที่ปลูกข้าวส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่อาศัยน้ำฝน<br>ทำให้บางฤดูกาลประสบภาวะฝนทิ้งช่วงหรือน้ำท่วม<br>ปัญหาคุณภาพดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนชาวนาส่วนใหญ่<br>ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ถูกต้องและเหมาะสม<p> ทางจังหวัดจึงได้จัดสรรงบประมาณกว่า 33 ล้านบาท ให้สำนักเกษตร<br>จ.อุดรธานี ดำเนินโครงการดังกล่าว<br>ซึ่งภายในงานนอกจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดนำหัวหน้าส่วนราชการลงแขกปักดำนา<br>แล้ว ยังได้จัดแข่งขันการปักดำนาของชาวบ้านหมู่ต่างๆ<br>การแข่งขันจับปลาไหลใส่กระบอกไม้ไผ่ และการแข่งขันส้มตำลีลาอีสาน<br>ซึ่งเป็นการสร้างสีสันของงานและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้เข้าร่วมงานได้<br>อย่างมากfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-79007115647864815822009-07-09T12:44:00.001+07:002009-07-09T12:44:33.931+07:00อุดรธานีประกอบพิธีถวายเทียนพรรษาพระราชทานอุดรธานี- จังหวัดอุดรธานี ประกอบพิธีถวายเทียนพรรษาพระราชทาน<br>สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ วัดวัดโพธิสมภรณ์<br>และวัดมัชฌิมาวาส พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญของจังหวัดอุดรธานี<p> วันนี้ (7 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.19 น.นายอำนาจ ผการัตน์<br>ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี อัญเชิญเทียนจำพรรษาพระราชทาน<br>สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไปถวายแด่ วัดโพธิสมภรณ์<br>และวัดมัชฌิมาวาส ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี<br>ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นอกจากนี้<br>สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ<br>ยังพระราชทานไส้เทียนฉนวนพระราชทานและผ้าอังสะ<br>เพื่อไว้ใช้ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาด้วย<p> ในพิธีถวายเทียนพระราชทานปีนี้ มีข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ<br>ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกว่า 1,000 คน<br>ในพิธีถวายเทียนพรรษาพระราชทาน ทั้งนี้<br>มีประชาชนจำนวนมากได้มีการเตรียมผ้าอาบน้ำฝน มาถวายแด่พระสงฆ์<br>ตามประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาอีกด้วย<p> สำหรับพระอารามหลวงทั้ง 2 แห่งนี้ เป็น พระอารามหลวงมหานิกาย<br>และธรรมยุตนิกาย โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต<br>สถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2507fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-78352263107300912902009-07-09T12:37:00.001+07:002009-07-09T12:37:17.887+07:00ผู้ว่าอุดรฯ ดำนาโชว์ความเป็นลูกอีสานโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2552 21:16 น.<br> อุดรธานี-ผู้ ว่าฯ<br>อุดรธานีนำทีมหัวหน้าส่วนราชการโชว์ดำนาปลูกข้าว<br>ตามโครงการรณรงค์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อผลิตข้าวให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูง<br>ขึ้น โดยเน้นการปลูกข้าวเหนียวหอม<p> ผู้สื่อข่าวรยงานจาก จ.อุดรธานีว่า วันนี้( 4 ก.ค.)<br>ที่บ้านหนองเม็ก ต.ขนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี นายอำนาจ ผการัตน์<br>ผู้ว่าราชการ จ.อุรธานี<br>เป็นประธานเปิดงานรณรงค์การใช้เทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ถูกต้องและเหมาะสม<br>โครงการ ผลิตข้าวเหนียวหอมเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการแปรรูป ปี 2552<p> นายนิคม ศิริสิงห์สังชั นายอำเภอกุดจับ กล่าวว่า จังหวัดอุดรธานี<br>เป็นแหล่งผลิตข้าวเหนียวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ<br>จากการประเมินสถานการณ์การผลิตข้าวในปีการผลิต 2551/52 นี้<br>พบว่ามีื้พื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด ประมาณ 2,141,596 ไร่<br>เป็นพื้นที่ปลูกข้าวเหนียว 1,652,266 ไ่ร่ คิดเป็นร้อยละ 77<br>ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด และมีชาวนาหรือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 147,896<br>ครัวเรือน มีค่าใช้จ่ายในการผลิต 2,515 บาทต่อไร่ มีผลผลิตเฉี่ย 420<br>กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวรวมประมาณ 693,951<br>ตันคิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท<br>ซึ่งถือได้ว่าผลผลิตต่อไร่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ<br>อันเ็ป็นผลสืบเนื่องมาจากพื้นที่ปลูกข้าวส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่อาศัยน้ำฝน<br>ทำให้บางฤดูกาลประสบภาวะฝนทิ้งช่วงหรือน้ำท่วม<br>ปัญหาคุณภาภดินขาดความอุดมสมบูณ์<br>ตลอดจนชาวนาส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโโลยีการผลิตที่ถูก<br>ต้องและเหมาะสม<p> ดังนั้นจังหวัดอุดรธานี<br>จึงได้อนุมัติงบประมาณให้หน่วยงานในสังกัดกระทวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัด<br>อุดรธานี ดำเนินโครงการ<br>ผลิตข้าวเหนียวหอมเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการแปรรูป ปี 2552<br>โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือเพิ่มผลผลิตเฉลี่ยข้าวเหนียวต่อไร่ให้สูงขึ้นจาก<br>420 กิโลกรัม เป็น 430 กิโลกรัมต่อไร่<br>โดยมีสำนักงานเกษรจังหวัดอุดรธานีเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงาน<p> ซึ่งการจัดงานในวันนี้<br>เป็นการรณรงค์การใช้เทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ถูกต้องและเหมาะสม<br>ซึ่งเป็นกิกรรมหนึ่งของโครงการผลิตข้าวเหนียวหอมเื่พื่อความมั่นคงด้านอาหาร<br>และการแปรรูป การจัดนิทรรศการและการสาธิตเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตข้าว<br>การลงแขกปักดำนาโดยผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ<br>และการแข่งขันปักดำนาของชาวนาในพื้นที่fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-85661794598203249572009-06-28T16:21:00.001+07:002009-06-28T16:21:33.557+07:00ชาวนาอีสานหวั่นเปิดเสรีค้ากระทบหนัก แนะศึกษาผลกระทบรอบด้าน-วางมาตรการรับมืออุดรธานี - เวทีรับฟังความเห็นเปิดตลาดข้าวภายใต้ข้อตกลง AFTA<br>อีสานตอนบนที่อุดรฯ มีเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสีเข้าร่วมหนาตา<br>ตัวแทนเกษตรกรวิตกหลังเปิดเสรีชาวนาไทยอยู่ลำบาก<br>ข้าวนอกจะทะลักตีตลาดข้าวไทยมหาศาล<br>ขณะที่ยังไม่มีการศึกษาผลกระทบของชาวนาไทย<p> วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ หอประชุม มหาวิทยลัยราชภัฏอุดรธานี<br>นางดวงพร รอดพยาธิ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายนิสิต ศิวกุล<br>ผู้อำนวยการส่วนควบคุมพืช ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายนภดล แสนกุง ศุลกากร<br>ชำนาญการพิเศษด่านหนองคาย ได้ร่วมกันบรยาย เรื่อง<br>การเปิดตลาดข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และแนวทางการเปิดตลาด<br>โดยมีเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสี โรงงานอุตสาหกรรม ผู้ส่งออก<br>ผู้ค้าข้าวและผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับข้าวเข้าร่วมรับฟังแนวทาง<br>และแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก<p> ทั้งนี้ วิทยากรได้ชี้แจงว่าจากกรณีที่กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน<br>ได้ตกลงให้มีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA (ASEAN Fee Trade<br>Area) ขึ้น ประเทศไทยในฐานะเป็นสมาชิก ATFA มีพันธกรณีที่ต้องลดภาษี<br>และยกเลิกมาตรการโควตาภาษี สินค้าข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆ<br>ซึ่งได้ดำเนินการลดภาษีมาตั้งแต่ พ.ศ.2536<br>และมีกำหนดจะต้องยกเลิกโควตานำเข้าและลดภาษีเหลือร้อยละ 0<br>ในตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 นี้<p> การปฏิบัติตามพันธกรณีที่ผูกพันไว้ถือเป็นสิ่งสำคัญ<br>และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่เจรจาของไทยรวมถึงเป็นการสร้างความ<br>เชื่อถือของไทยในภูมิภาคอาเซียน<br>เพื่อให้ประเทศไทยในฐานะเป็นผู้ส่งออกข้าวมากเป็นอันดับ 1 ของโลก<br>ได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าข้าวตามพันธกรณีและ<br>เกิดผลกระทบน้อยที่สุด<p> กรมการค้าต่างประเทศได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์<br>ให้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน<br>ในการพิจารณาหามาตรการไว้รองรับ เพื่อบริหารจัดการข้าว<br>การนำเข้าข้าวและแนวทางปฏิบัติ<p> ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการรักษามาตรฐานคุณภาพข้าวไทย<br>คุ้มครองสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคข้าวไทย<br>เพื่อหาแนวทางป้องกันการระบาดของโรคและศัตรูข้าว<br>ป้องการกันการนำเข้าข้าวแบบสวมสิทธิ์ในโครงการแทรกแซงของรัฐบาล<br>และป้องกันการนำเข้าข้าวที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม (GMOs)<br>เพื่อให้การบริหารงานข้าวมีความโปร่งใส และให้การตอบสนองต่อภาคประชาสังคม<br>ได้อย่างทั่วถึง<br>จึงมีการจัดเวทีเสวนาสาธารณะให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแสดงความเห็นและเสนอแนะ<br>ข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ต่อการเปิดตลาดการค้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA)<p> ข้อมูลที่ได้จากเวทีประชาคมในครั้งนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย<br>ข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.)<br>เพื่อกำหนดแนวทางมาตรการเปิดตลาดการค้าข้าวตามพันธกรณี ATFA<br>รวมทั้งเพื่อออกเป็นกฎระเบียบ ข้อบังคับ ให้มีผลบังคับใช้ได้ทันในวันที่<br>1 ม.ค. 2553 นี้<p> รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศ การเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็น<br>การเปิดตลาดข้าวภายใต้ ATF ที่จังหวัดอุดรธานี นั้น เกษตรกร<br>ผู้ประกอบการโรงสี โรงงานอุตสาหกรรม ผู้ส่งออก<br>ผู้ค้าข้าวและผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวในภาคอีสาน<br>ต่างแสดงความเห็นที่หลากหลาย<p> นาย ปาน แย้มชัยภูมิ ประธานศูนย์ประชาชน จ.ชัยภูมิ<br>ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า 7 มาตรการ การนำเข้าข้าวของทางราชการภายใต้ AFTA<br>นี้ ตนคิดว่าเป็นมาตรการที่ดี<br>และเราควรจะต้องนำเข้าข้าวเฉพาะอย่างเท่านั้น ซึ่งการเปิดตลาดข้าวภายใต้<br>AFTA นี้ จะเกิดผลกระทบต่อ เสถียรภาพการทำนาของเกษตรกรเป็นอย่างมาก<br>เนื่องจากราคาข้าวในปีที่ผ่านมามีราคาตกต่ำอย่างมาก และเมือเปิดตลาดข้าว<br>ATFA นี้ ตนคิดว่าจะทำให้ข้าวทะลักเข้ามาอย่างมหาศาล<br>ซึ่งจะทำให้ข้าวในประเทศราคาตกต่ำลง<p> นายวีระพงษ์ แสงจันทร์ หนึ่งในตัวแทนเกษตรกร ได้กล่าวว่า<br>อยากจะให้กำหนดเวลาการนำเข้าข้าว<br>ให้สั้นกว่านี้เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตข้าวอยู่แล้ว<br>ควรจะทำการทดสอบก่อนว่า มีผลกระทบอะไรหรือไม่ก่อนที่จะนำเข้าอย่างจริงจัง<p> ขณะที่นาย ประดิษฐ์ คนยัง ตัวแทนเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า<br>ในวันที่ 1 มกราคม 2553 แล้วที่ เราจะทำการเปิดการค้าเสรี<br>แต่เรายังไม่พูดถึงเลยว่าการเปิดการค้าเสรีนั้นทางเราจะทำอย่างไร<br>เราเชื่อว่าการเปิดเสรีนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ มาตรการ 7<br>ประการที่กำหนดมานั้นมีความเห็นว่า เรื่องแรก คือ<br>การกำหนดคุณสมบัติของผู้นำเข้านั้น<br>เรื่องนี้พูดยากเพราะว่ายังไมมีลายละเอียด<br>แต่ขอฝากว่าอยากให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของผู้ที่จะนำเข้าด้วย<p> การพิจารณาข้าวที่นำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ เช่น แกลบ ลำข้าว<br>นี้ก็เป็นวัตถุดิบ ตรงนี้จะต้องมีมาตรการที่ชัดเจนกว่านี้ ในเรื่อง<br>กำหนดระยะเวลาการนำเข้า เนื่องจากการปลูกข้าวในประเทศไทย<br>มีการปลูกข้าวกันตลอดทั้งปี ตนคิดว่าจะต้องมีการแบ่งเป็นโซน<br>ว่าจะมีการนำเข้าข้าวช่วงไหนบ้าง<p> สำหรับการกำหนดมาตรฐานคุณภาพข้าวนั้น<br>ตนก็ยังไม่มั่นใจว่ามาตรฐานที่เราทำการส่งออกไปนั้น AFTA<br>จะใช้มาตรฐานเดี่ยวกับเราหรือไม่ เพราะว่ายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน<br>ส่วนเรื่องการกำหนดมาตรการด้านสุขอนามัย การกำหนดเงื่อนไขปลอด GMOs<br>การกำหนดด่านที่ให้นำเข้านั้น ไม่ขอแสดงความคิดเห็นfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-78931149878174607702009-06-26T16:46:00.001+07:002009-06-26T16:46:41.947+07:00ผวจ.อุดรฯยอมรับนับวันทาสยาเสพติดมีอายุน้อยลงโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2552 14:28 น.<br> อุดรธานี- ผู้ว่าฯอุดรธานี<br>เผยแนวโน้มกลุ่มผู้เสพยาเสพติดเป็นเด็กและเยาวชนเพิ่มมากขึ้น<br>โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมือง แนะผู้ปกครองดูแลลูกหลานใกล้ชิด<br>ให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ<p> วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 6 นายอำนาจ ผการัตน์<br>ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านยาเสพติด<br>จังหวัดอุดรธานี ประจำปี 2552 โดยมีนายหาญชัย ฑีฆธนานนท์ นายก<br>อบจ.อุดรธานี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มูลนิธิ ชมรมต่างๆ<br>ร่วมเป็นเกียรติในพิธี<p> นายวิเชียร ปิยะวรากร ปลัดจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ด้วยวันที่ 26<br>มิถุนายน ของทุกปี สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ<br>มีมติประกาศให้เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก<br>เพื่อต่อต้านการใช้ยาในทางที่ผิด และค้ายาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย<br>โดยกำหนดคำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดโลก ปี 2550-2552 ไว้ว่า<br>"ยาเสพติดครอบงำชีวิตคุณอยู่หรือเปล่า ชีวิตของคุณ สังคมของคุณ<br>ต้องไม่มีที่สำหรับยาเสพติด"<p> นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด<br>ได้กำหนดคำขวัญสำหรับการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2552 ภายใต้แนวคิด<br>"5 รั้วล้อมไทย พ้นภัยยาเสพติด" อันได้แก่ รั้วชายแดน รั้งสังคม<br>รั้วชุมชน รั้วโรงเรียน และรั้วครอบครัว มุ่งกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์<br>ภายใต้สโลแกน "เท่...ดี..ไม่ต้องมียาเสพติด"<br>และมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 13-15 ปี<p> สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การเดินรณรงค์ นิทรรศการ<br>การแสดงดนตรี รวมถึงการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตของนักโทษยาเสพติด<br>ตลอดจนการให้ความรู้เกี่ยวกับสื่อลามก เกมส์ และอินเตอร์เน็ต<br>โดยมีกลุ่มเยาวชนและประชาชนทั่วไปร่วมงานประมาณ 2,000 คน<p> ด้าน นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า<br>จังหวัด อุดรธานี สถานการณ์ปัญหายาเสพติดอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้<br>แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น<br>เนื่องจากมีปัจจัยและเงื่อนไขทั้งในเชิงบวกและเชิงลบที่น่าเป็นห่วง คือ<br>การแพร่ระบาดในเด็กและเยาวชน ที่พบว่ามีสถิติสูงขึ้น<br>และอยู่ในกลุ่มคนที่อายุน้อยลงกว่าเดิม<p> โดยเฉพาะในตัวเมือง เนื่องจากเป็นเขตชุมชนหนาแน่น<br>จึงขอฝากลูกหลานเยาวชนให้ดูแลตนเองให้ดี ใช้ชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะ<br>มีเหตุผล และแก้ปัญหาในทางที่ถูกต้อง<br>ให้คิดว่าเราสามารถเท่ดีได้โดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด<br>กิจกรรมในวันนี้ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหายาเสพติดของบ้านเมือง<br>เราลงได้<p> ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาบูรณาการทำงานอย่าง<br>เป็นระบบ ใช้วัด โรงเรียนหรือค่ายทหาร เป็นสถานที่อบรมให้ความรู้<br>การใช้กองร้อยอาสารักษาดินแดน เป็นสถานที่บำบัดฟื้นฟูผู้ที่ติดยา<br>และอีกหลายแนวทางที่กำลังจะดำเนินการfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-14209532983620720782009-06-26T16:33:00.001+07:002009-06-26T16:33:02.216+07:00อุดรฯ พบไข้หวัด 2009 แล้ว 1 รายอุดรฯ พบไข้หวัด 2009 แล้ว 1 ราย<p><br> อุดรธานี - พบแล้วเหยื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในอุดรธานี<br>เป็นเด็กหนุ่มเพิ่งเดินทางมาจากจังหวัดสมุทปราการ<br>สสจ.สั่งทุกพื้นที่เข้มเฝ้าระวัง ขณะที่ผู้ติดเชื้อโรคชิคุนกุนยายัง 5<br>รายเช่นเดิม<p> นพ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า<br>สถานการณ์ของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ H1N1 ในพื้นที่อุดรธานี<br>ขณะนี้พบผู้ป่วยแล้ว 1 ราย<br>ซึ่งยืนยันผลจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุดรธานี เป็นผู้ป่วยชาย<br>นักเรียนโรงเรียนกีฬาสมุทรปราการ อายุ 18 ปี ที่เดินทางกลับมาบ้านที่<br>ต.ผาสุข อ.วังสามหมอ โดยผู้ป่วยเดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ มาถึง<br>จ.อุดรธานี ในตอนเช้าของวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา<p> ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล<br>ซึ่งผู้ป่วยรายนี้มีอาการไข้ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน<br>และเดินทางกลับบ้านตอนเย็นวันที่ 15 มิถุนายน<br>โดยรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-บ้านแพง ขณะนี้ได้ประสานกับทางปลายทางของรถ<br>และทางผ่าน เพื่อควบคุมการระบาดของโรคแล้ว<p> นอกจากนี้ยังมีผู้สัมผัสร่วมบ้านอีก 6 คน<br>ซึ่งทั้งหมดได้นำตัวไปตรวจเชื้อด้วยเช่นกัน และผลยืนยันว่าเป็นเนกาทีฟ<br>และคนในชุมชนอีก 21 คน ขณะนี้ทางสาธารณสุขจังหวัด<br>ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าระวัง โดยมี 15 คน ที่ได้ให้กินยาป้องกันโรค<br>และให้ อ.วังสามหมอ เป็นพื้นที่เฝ้าระวังของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009<p> ขณะนี้ได้แจ้งข่าวให้ทุกอำเภอ ทุกโรงพยาบาลในพื้นที่ จ.อุดรธานี<br>รับทราบ โดยให้มีการเตรียมความพร้อมและดำเนินการตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้<br>ซึ่งทาง สสจ.อุดรธานี มีชุดวินิจฉัยโรค มีเวชภัณฑ์ยา<br>สำหรับบริการประชาชนไว้พร้อมที่จะดำเนินการทันที<p> นพ.สัญชัย กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์ของโรคชิคุนกุนยา<br>ในพื้นที่อุดรธานีจนถึงวันนี้ พบผู้ป่วยแล้ว 5 ราย ซึ่งทั้ง 5<br>รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากภาคใต้ ที่กลับมาบ้านในพื้นที่อุดรธานี<br>ซึ่งการดำเนินการป้องกันขณะนี้ได้พ่นยาฆ่ายุง<br>รอบบริเวณที่ผู้ป่วยพักอาศัย ในขณะที่นักเรียนพยาบาลที่มาจากภาคใต้<br>และเดินทางกลับมาเรียนต่อไม่อาการไม่สบาย 1 ราย แต่ทาง<br>สสจ.ได้มีการพ่นยาฆ่ายุงในบริเวณวิทยาลัยพยาบาล ก่อนที่จะเปิดเทอม<p> รวมถึงค่ายทหารที่มีทหารไปปฏิบัติหน้าที่กลับมาจากภาคใต้<br>เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัน และไปแพร่ระบาดต่อไป โดยสามารถยืนยันได้ว่า<br>ทั้ง 2 โรคยังไม่มีการระบาดในพื้นที่มีแต่ผู้ที่ป่วยติดเชื้อเดินทางกลับมาบ้านเท่า<br>นั้นfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-2634120912305860342009-06-26T16:14:00.001+07:002009-06-26T16:14:40.813+07:00ยางพาราปั้นรายได้เกษตรกรอุดรฯเฉียดพันล.จังหวัดเตรียมผุดเครือข่ายธุรกิจครบวงจรยางพาราปั้นรายได้เกษตรกรอุดรฯเฉียดพันล.จังหวัดเตรียมผุดเครือข่ายธุรกิจครบวงจร<br>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 25 มิถุนายน 2552 19:05 น.<br> อุดรธานี - จังหวัดอุดรธานีเตรียมตั้งเครือข่าย<br>ธุรกิจยางพาราครบวงจร<br>มุ่งพัฒนาอาชีพปลูกยางพาราให้เกษตรกรที่ปลูกแล้วเฉียด 3 แสนไร่<br>ให้ผลผลิตน้ำยางที่กรีดได้แล้วกว่า 1.7 หมื่นตันสร้างรายได้ปีละเกือบ<br>1,000 ล้านบาท คาดปีถัดไปจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มมากขึ้นแม้ราคายาง<br>ในตลาดจะตกต่ำตามภาวะเศรษฐกิจโลก<p> เมื่อเร็วๆ นี้ที่ห้องฟ้าหลวง โรงแรมนภาลัย อ.เมือง จ.อุดรธานี<br>นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการประชุม<br>เชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกรสถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจร<br>จังหวัดอุดรธานี<p> นายปัณณวิชญ์ วงศ์สุวัฒน์<br>ผู้อำนวยการโครงการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านยางพาราครบ<br>วงจร กล่าวว่า จากข้อมูลของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร<br>จังหวัดอุดรธานีมีพื้นที่ปลูกยางพาราแล้วประมาณ 295,000 ไร่<br>มีพื้นที่สวนยางกรีดได้ในปี 2552 ประมาณ 59,845 ไร่ หรือราวร้อยละ 20.28<br>ของพื้นที่ปลูกยางพารา ทั้งหมด คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 17,295 ตัน<br>ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 289 กก./ไร่/ปี ณ ระดับราคา 50 บาท/กก.<br>จะสร้างรายได้เข้าจังหวัดอุดรธานีจำนวนมาก<p> ในปีงบประมาณ 2552<br>องค์การสวนยางได้รับมอบหมายจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ดำเนินงานตามโครงการ<br>จัดตั้งศูนย์เครือข่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านยางพาราครบวงจร<br>โดยจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกร<br>สถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจร ในทุกจังหวัดที่มีการปลูกยางพารา รวม 60<br>จังหวัด เป้าหมายเกษตรกร จำนวน 20,000 คน และสร้างเครือข่ายระดับจังหวัด<br>60 จังหวัด<p> ทั้งนี้ มีเป้าหมาย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์<br>ระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้านยางพารา สถาบันเกษตรกร และเกษตรกรชาวสวนยาง<br>เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้านยางพารา<br>กับเกษตรกรสวนยาง สถาบันเกษตรกรด้านยางพารา ในการพัฒนาด้านยางพารา<br>และสร้างเครือข่ายธุรกิจยางพาราครบวงจร เพื่อส่งเสริม สนับสนุน<br>พัฒนาผู้นำเครือข่าย<br>ให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนาเกษตรกรและการสร้างธุรกิจด้านยางพารา<br>ร่วมกัน<p> โดย การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ<br>ในช่วงเช้า เป็นการอภิปรายกลุ่ม ประเด็นการพัฒนาเกษตรกร<br>และการสร้างเครือข่ายธุรกิจยางพาราครบวงจร ใน ช่วงบ่าย<br>เป็นการสรุปผลการอภิปรายการกำหนด<br>แนวทางการจัดตั้งเครือข่ายยางพาราจังหวัดอุดรธานี<br>และการเลือกตั้งคณะกรรมการเครือข่ายฯ<p> สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้<br>เป็นการจัดการประชุมครั้งที่ 8 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>และเป็นการประชุมครั้งที่ 29 ของโครงการฯ<br>ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เกษตรกร ผู้แทนสถาบันเกษตรกร<br>เจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้สนใจจำนวน 500 คน<p> ด้านนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า<br>ปัจจุบันยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ<br>พี่น้องเกษตรกรมากกว่า 6 ล้านคน ในปี 2551<br>ที่ผ่านมายางพาราทำรายได้เข้าประเทศมากกว่า 3 แสนล้านบาท ช่วงต้นปี 2551<br>การซื้อขายยางเป็นไปอย่างคึกคัก<br>ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นผลักดันให้ราคายางสูงขึ้น<br>ทำให้ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 FOB กรุงเทพฯ<br>และยางแผ่นดิบที่ตลาดกลางหาดใหญ่เฉลี่ยสูงสุดในเดือนกรกฎาคม 2551<br>กิโลกรัมละ 107.77 บาท และ 100.97 บาท ตามลำดับ<p> แต่ หลังจากนั้นภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว<br>เกิดปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐฯที่ลุกลาม ไปยังยุโรปหลายประเทศ จีน<br>ญี่ปุ่น ราคาน้ำมันลดลงเหลือ 33.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล<p> ต่อมาในราวเดือนธันวาคม 2551 อุตสาหกรรมรถยนต์ถูกผลกระทบลดการผลิต<br>ส่งผลให้ปริมาณการซื้อยางพาราลดลง<br>ทำให้ราคายางลดลงจากที่พี่น้องเกษตรกรเคยขายน้ำยางได้กิโลกรัมละ 100 บาท<br>เหลือ 4 กิโลกรัม 100 บาท ในช่วงเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา<br>และปัจจุบันราคายางได้ขยับตัวสูงขึ้นจากเดือนธันวาคม 2551<br>โดยราคายางแผ่นดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 - 55 บาท พี่น้องเกษตรกร<br>คงมีความพอใจในระดับหนึ่ง สำหรับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน<p> จากข้อมูลของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร จังหวัดอุดรธานี<br>มีพื้นที่ปลูกยางพารา 295,000 ไร่ ในปีนี้คาดว่ามีสวนยางกรีดได้ 59,845<br>ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 17,295 ตัน จะนำรายได้เข้าจังหวัดมากกว่า 865<br>ล้านบาท และในปีต่อๆ ไปผลผลิตจะเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น<p> แต่ อย่างไรก็ตามพี่น้องเกษตรกรต้องยึดถือตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาท<br>สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<br>เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตอย่างมีความสุขfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-1450625680064034112009-06-25T17:00:00.001+07:002009-06-25T17:00:19.161+07:00อุดรฯติวเข้มสร้างเครือข่ายธุรกิจยางครบวงจร หลังสร้างรายได้ให้ชาวสวนเฉียดพันล้านบ.โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2552 16:03 น.<br> อุดรธานี-จังหวัด อุดรฯเตรียมตั้งเครือข่าย ธุรกิจยางพาราครบวงจร<br>มุ่งพัฒนาอาชีพปลูกยางพาราให้เกษตรกรที่ปลูกแล้วเฉียด 3 แสนไร่<br>ให้ผลผลิตน้ำยางที่กรีดได้แล้วกว่า 1.7 หมื่นตันสร้างรายได้ปีละเกือบ<br>1,000 ล้านบาท คาดปีถัดไปจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มมากขึ้นแม้ราคายาง<br>ในตลาดจะตกต่ำตามภาวะเศรษฐกิจโลก<p> วันนี้( 24 มิ.ย.) ณ ห้องฟ้าหลวง โรงแรมนภาลัย อ.เมือง จ.อุดรธานี<br>นาย อำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดการประชุม<br>เชิงปฏิบัติ การเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกรสถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจร<br>จังหวัดอุดรธานี<p> นายปัณณวิชญ์ วงศ์สุวัฒน์<br>ผู้อำนวยการโครงการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านยางพาราครบ<br>วงจร กล่าวว่า จากข้อมูลของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร<br>จังหวัดอุดรธานีมีพื้นที่ปลูกยางพาราแล้วประมาณ 295,000 ไร่<br>มีพื้นที่สวนยางกรีดได้ในปี 2552 ประมาณ 59,845 ไร่ หรือราวร้อยละ 20.28<br>ของพื้นที่ปลูกยางพารา ทั้งหมด คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 17,295 ตัน<br>ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 289 กก./ไร่/ปี ณ ระดับราคา 50 บาท/กก.<br>จะสร้างรายได้เข้าจังหวัดอุดรธานีจำนวนมาก<p> ในปีงบประมาณ 2552<br>องค์การสวนยางได้รับมอบหมายจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ดำเนินงาน<br>ตามโครงการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านยางพาราครบวงจร<br>โดยจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกร<br>สถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจร ในทุกจังหวัดที่มีการปลูกยางพารา รวม 60<br>จังหวัด เป้าหมายเกษตรกร จำนวน 20,000 คน และสร้างเครือข่ายระดับจังหวัด<br>60 จังหวัด<p> ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์<br>ระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้านยางพารา สถาบันเกษตรกร และเกษตรกรชาวสวนยาง<br>เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้านยางพารากับเกษตรกร<br>สวนยาง สถาบันเกษตรกรด้านยางพารา ในการพัฒนาด้านยางพารา<br>และสร้างเครือข่ายธุรกิจยางพาราครบวงจร เพื่อส่งเสริมสนับสนุน<br>พัฒนาผู้นำเครือข่ายให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนาเกษตรกร<br>และการสร้างธุรกิจด้านยางพาราร่วมกัน<p> การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ<br>ในช่วงเช้า เป็นการอภิปรายกลุ่ม ประเด็นการพัฒนาเกษตรกร<br>และการสร้างเครือข่ายธุรกิจยางพาราครบวงจร ใน ช่วงบ่าย<br>เป็นการสรุปผลการอภิปรายการกำหนดแนวทางการจัดตั้งเครือข่ายยางพาราจังหวัด<br>อุดรธานี และการเลือกตั้งคณะกรรมการเครือข่ายฯ<p> สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้<br>เป็นการจัดการประชุมครั้งที่ 8 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br>และเป็นการประชุมครั้งที่ 29 ของโครงการฯ<br>ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เกษตรกร ผู้แทนสถาบันเกษตรกร<br>เจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้สนใจจำนวน 500 คน<p> ด้านนาย อำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า<br>ปัจจุบันยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ<br>พี่น้องเกษตรกรมากกว่า 6 ล้านคน ในปี 2551<br>ที่ผ่านมายางพาราทำรายได้เข้าประเทศมากกว่า 3 แสนล้านบาท ช่วงต้นปี 2551<br>การซื้อขายยางเป็นไปอย่างคึกคัก<br>ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นผลักดันให้ราคายางสูงขึ้น<br>ทำให้ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 FOB กรุงเทพฯ<br>และยางแผ่นดิบที่ตลาดกลางหาดใหญ่เฉลี่ยสูงสุดในเดือนกรกฎาคม 2551<br>กิโลกรัมละ 107.77 บาท และ 100.97 บาท ตามลำดับ<p> หลังจากนั้นภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว<br>เกิดปัญหาวิกฤติการเงินของสหรัฐที่ลุกลาม ไปยังยุโรปหลายประเทศ จีน<br>ญี่ปุ่น ราคาน้ำมันลดลงเหลือ 33.87 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล<p> ต่อมาในราวเดือนธันวาคม 2551 อุตสาหกรรมรถยนต์ถูกผลกระทบลดการผลิต<br>ส่งผลให้ปริมาณการซื้อยางพาราลดลง<br>ทำให้ราคายางลดลงจากที่พี่น้องเกษตรกรเคยขายน้ำยางได้กิโลกรัมละ 100 บาท<br>เหลือ 4 กิโลกรัม 100 บาท ในช่วงเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา<br>และปัจจุบันราคายางได้ขยับตัวสูงขึ้นจากเดือนธันวาคม 2551<br>โดยราคายางแผ่นดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 - 55 บาท พี่น้องเกษตรกร<br>คงมีความพอใจในระดับหนึ่ง สำหรับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน<p> จากข้อมูล ของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า<br>จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ปลูกยางพารา 295,000 ไร่<br>ในปีนี้คาดว่ามีสวนยางกรีดได้ 59,845 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 17,295 ตัน<br>จะนำรายได้เข้าจังหวัดมากกว่า 865 ล้านบาท และในปีต่อๆ<br>ไปผลผลิตจะเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น<p> อย่างไรก็ตาม พี่น้องเกษตรกรต้องยึดถือตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง<br>ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<br>เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตอย่างมีความสุขfgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2129493327729455509.post-36964839803900966592009-06-25T16:59:00.001+07:002009-06-25T16:59:16.070+07:00หนุ่มอาชีพรับจ้างโวยถูกไฟฟ้าอุดรฯ แจ้งบิลค่าฟ้าเกือบ 5 หมื่นบ.อุดรธานี - หนุ่มอาชีพรับจ้างเมือง อุดรฯงง ถูกเรียกเก็บเงินค่าไฟมหาโหด<br>ขำไม่ออก สูงกว่า 4 หมื่นบาท ทั้งที่ปกติจ่ายอย่างมาก 500 บาท<br>ซ้ำหม้อแปลงเสียแจ้ง สนง.ไฟฟ้าแก้ไขก็เงียบ<p> ผู้สื่อ ข่าวจังหวัดอุดรธานีได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า<br>ที่บ้านของตนถูกเรียกเก็บค่าไฟฟ้า เกินความเป็นจริง เป็นจำนวนเงินมากถึง<br>40,000 กว่าบาท จึงได้เดินทางไปทำการตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 279/1 ม.5<br>คุ้มวัดโพธิ์ทอง บ้านหนองเตาเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี<br>ซึ่งเป็นบ้านนายอุดร ชวนไชยสิทธิ์ อายุ 37 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป<p> นาย อุดร ชวนไชยสิทธิ์ อายุ 37 ปี<br>ได้นำบิลแจ้งเก็บค่าไฟฟ้าของเดือน มิถุนายน 2552 ยอดชำระจำนวน 41,135.05<br>บาท มาให้ดูพร้อมได้พาเข้าไปดูในบ้านซึ่งเคยเปิดเป็นร้านเสริมสวย<br>แต่ก็ได้เลิกกิจการไปแล้ว โดยภายในบ้านมีเพียงตู้เย็น พัดลม ทีวี<br>อย่างละเครื่องเท่านั้นเอง<p> นายอุดรกล่าวว่า ตนรู้สึกงงมากกับค่าไฟฟ้า<br>ที่ทางสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้แจ้งบิลเก็บค่าไฟฟ้ามา จำนวนเงิน<br>41,135.05 บาท ซึ่งปกติบ้านของตนจะใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 400 บาท เมื่อ 3<br>เดือนที่ผ่านมา ทางสำนักงานการไฟฟ้าได้ทำการแจ้งบิลไฟมาตามปกติ<br>แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าค่าใช้ไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ<br>แต่ก็ไม่สนใจอะไร เพราะว่ารัฐบาลได้ออกให้ครึ่งหนึ่ง<p> ในเดือนที่ 4 คือ เดือนเมษายน ตนตรวจสอบพบว่าหม้อแปลงไฟฟ้าขนาด 15<br>แอมป์ มีปัญหาหม้อไม่เดิน แต่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าไป 300 กว่าบาท<br>พอหลังเดือนที่ 5 คือเดือนพฤษภาคม 2552 มียอดค่าไฟมาอีก 324.84 บาท<br>ตนก็แปลกใจว่าเจ้าหน้าที่มาจดค่าตัวเลขหม้อแปลงไฟฟ้าไปได้ยังไง<br>ทั้งที่หม้อแปลงไฟฟ้าเสีย แต่เห็นว่าสามารถจ่ายได้ก็เลยไปจ่าย<p> เมื่อมาถึงรอบบิลเดือนมิถุนายน ซึ่งปกติรอบบิลมาถึงประมาณวันที่<br>18 หรือวันที่ 19 ของทุกเดือน บิลค่าไฟฟ้ามาถึงวันที่ 20 มิ.ย.<br>ซึ่งได้ระบุยอดชำระเงิน เป็นจำนวนเงิน 41,135.05 บาท<br>ทำให้ตนเองตกใจและงงมากจนทำอะไรไม่ถูก<p> นายอุดรกล่าวอีกว่า หลัง<br>จากรู้ว่าแปลงไฟฟ้าของตนเองเสียก็ได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานการไฟฟ้าส่วน<br>ภูมิภาค ตั้งแต่เดือนปลายเดือนเมษายน จนขณะนี้ยังไม่มาเปลี่ยนให้<br>แต่ก็ยังคิดค่าใช้ไฟฟ้าในส่วนค่าไฟฟ้าจำนวน 41,135.05 บาท นั้น<br>ทางตนก็ได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและลงบันทึกประจำไว้ที่<br>สภ.เมืองอุดรธานีแล้ว<br>จากนั้นได้เข้าไปหาผู้อำนวยการสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค<br>เพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้<p><br> อย่างไรก็ตาม ล่า สุด นายบัญญัติ โลหะกุลวิช<br>ผู้ช่วยผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอุดรธานี<br>ได้ทำการชี้แจ้งให้นายอุดรทราบว่าสำหรับบิลแจ้งการใช้ไฟฟ้านั้น<br>ทางด้านนายอุดรไม่ต้องทำการจ่ายแต่อย่างใด<br>ส่วนในเรื่องมิเตอร์ไฟฟ้านั้นทางสำนักงานจะรีบดำเนินการเปลี่ยนให้ใหม่fgscihttp://www.blogger.com/profile/01714485564098614642noreply@blogger.com1